“ถือหุ้นมา 1 ปี แล้วขายไม่ใช่ VI”
“ถือหุ้นมา 10 ปี ยังไม่ขายคือ VI”
หลายคนเข้าใจผิดว่า การซื้อหุ้นแล้วถือยาว คือ VI แต่ความจริงแล้วไม่ได้เกี่ยวข้องกับ“ระยะเวลา”ว่าสั้นหรือยาวหากแต่หลักการลงทุนแบบวีไอคือ การซื้อของที่ต่ำกว่ามูลค่าและขายเมื่อราคามาถึงมูลค่าที่แท้จริง
แล้วถ้าราคามันไม่ถึงมูลค่าสักที นักลงทุน VI สามารถขายได้ไหม คำตอบคือ “ได้”
ผมมองว่าหลักการที่ใช้ได้ผล ควรยืดหยุ่นและปรับให้เหมาะสมกับผู้ใช้งาน โดยส่วนตัวผมมีหลักการขายอยู่ 5 ข้อ ด้วยกัน
1) ขายเมื่อเต็มมูลค่า
ก่อนที่เราจะซื้อหุ้นทุกครั้ง เราต้องคำนวณหรือประเมินมูลค่าหุ้นว่าราคาที่เหมาะสมควรจะเป็นเท่าไร เราซื้อหุ้นต่ำกว่ามูลค่าในระดับที่เราพอใจ พอเวลาผ่านไปจะกี่เดือนหรือกี่ปีก็ตาม ถ้าราคาหุ้นปรับตัวขึ้นไปถึงมูลค่าที่เราประเมินไว้ โดยไม่ได้มีเหตุหรือปัจจัยอะไรใหม่ที่จะทำให้กิจการทำกำไรเติบโตได้มากขึ้น เราก็ควรขายออกมาเพราะเวลานั้นอาจเป็นเวลาที่หุ้นตัวนี้เต็มมูลค่าแล้วก็ได้
2) ขายเมื่อคิดผิด
หลายต่อหลายครั้งที่เราซื้อหุ้นบางตัวไปเพราะคิดว่ากิจการดี รายได้โต กำไรงาม แต่ต่อมาเราอาจได้ข้อมูลเพิ่มมากขึ้นว่ากิจการไม่ได้ดีอย่างที่คิด รายได้มาไม่ต่อเนื่อง รายได้มาจากออเดอร์ใหญ่เพียงครั้งเดียว กำไรดีเพราะบังเอิญลดค่าใช้จ่ายได้ หรือแม้แต่เราให้ค่า P/E สูงเกินไป ทำให้เราเริ่ม “คิดได้” และรอบนี้มั่นใจว่า “คิดถูก” ก็ควรขายหุ้นตัวนั้นออกไป
3) ขายเมื่อพื้นฐานเปลี่ยน
เราอาจไม่ได้คิดผิด แต่อาจมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นมากระทบกับหุ้นที่เราถืออยู่ เช่น มีการเก็บภาษีน้ำตาล มีสงครามการค้า มีคู่แข่งรายใหม่เข้ามาทำธุรกิจในอุตสาหกรรมเดียวกับเรา ถ้าเราพิจารณาดูแล้วว่าน่าจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของหุ้นที่เราถืออยู่อย่างมาก เราก็อาจพิจารณาขายออกไป
4) ขายเมื่อเจอตัวใหม่ที่ upside มากกว่า
หุ้นในตลาดมี 700 กว่าตัว การที่เราตัดสินใจซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่งไปแล้ว และราคามันค่อย ๆ ขึ้นอย่างช้า ๆ ถึงแม้จะยังไม่เต็มมูลค่าที่เราประเมินไว้ก็ตาม เราก็อาจพิจารณาขายออกมาได้ ถ้าในขณะนั้นเราไปเจอหุ้นตัวใหม่ที่น่าสนใจมากกว่าและเราคำนวณแล้วพบว่า ผลตอบแทนน่าจะดีกว่าถือตัวเดิมรอจนเต็มมูลค่า เพราะทุกวันที่ผ่านไปมันมี “ต้นทุนค่าเสียโอกาส” อยู่เสมอ แต่เราต้องมั่นใจว่าหุ้นตัวใหม่ดีกว่าตัวเดิม ไม่งั้นเราอาจจะขายหมูไปซื้อ …. ก็เป็นได้
5) ขายเมื่อจำเป็นต้องใช้เงินในชีวิตจริง
โดยปกติ เราควรใช้เงินเย็นหรือเงินที่จะไม่เดือดร้อนกับชีวิตประจำวันมาลงทุน เพราะจะทำให้เราไม่ต้องกังวลว่า เดี๋ยวจะเปิดเทอม ต้องขายหุ้นมาจ่ายค่าเล่าเรียนลูก เดี๋ยวจะปีใหม่ ต้องขายหุ้นไปเที่ยวต่างประเทศ แต่ในบางครั้งชีวิตเราก็อาจมีความจำเป็น เช่น คนในครอบครัวเป็นโรคร้ายแรงต้องใช้เงินเยอะในการรักษา ญาติพี่น้องทำธุรกิจล้มละลายเราต้องยื่นมือเข้าไปช่วย ถ้าเจอเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้ เราก็คงต้องขายหุ้นเพื่อช่วยเหลือคนที่เรารักก่อน
โดยสรุปแล้วหลักการขายหุ้นของ VI ไม่จำเป็นต้องมีเงื่อนไขของเวลามาเป็นปัจจัยหลัก หากแต่เรามองดูที่มูลค่าของกิจการเป็นสำคัญ คอยติดตามว่าเราคิดผิดไหม พื้นฐานบริษัทเปลี่ยนไปหรือเปล่า เจอหุ้นตัวใหม่สดใสกว่าเดิม หรือจำเป็นต้องใช้เงินแบบช่วยไม่ได้ ก็สามารถพิจารณาขายหุ้นออกไปได้
แต่สิ่งสำคัญมากกว่าการ “ขาย” คือ การ “ซื้อ” ครับ เราต้องซื้อให้ยากไว้ก่อน แล้วตอนขายมันจะง่าย เพราะเราพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วว่า หุ้นตัวนี้ดีจริงๆ ราคาที่เราซื้อมีอัพไซด์เยอะ และถ้าจะให้ดี ก่อนซื้อหุ้นตัวไหน ให้คิดไว้ก่อนเลยว่าจะขายเท่าไหร่ เมื่อไหร่ เพราะอะไร แล้วเราก็จะไม่ต้องมาปวดหัวว่าจะขายหุ้นตอนไหนดี
*********************
อ่านบทความอื่นๆ เพิ่มเติมเรื่องข่าวสารหุ้น การลงทุนหุ้นพื้นฐาน และเล่นหุ้นเทคนิคอล ได้ที่ stock2morrow >>>https://www.stock2morrow.com/article.php