SPA … ยังเติบโตได้ แต่แพงไปมั้ย

ถ้าไปถามคนอายุเกิน 30 ปี น้อยคนนักที่จะไม่รู้จัก “ขายหัวเราะ” การ์ตูนชื่อดังของสำนักพิมพ์บรรลือสาส์น
.
ก่อตั้งโดยคุณบันลือ อุตสาหจิต และให้ลูกชายคนโตคือ วิธิต อุตสาหจิต เป็นบรรณาธิการ หรือที่คนอ่านรู้จักมักคุ้นในชื่อ “บ.ก. วิติ๊ด” ขณะที่ลูกชายอีกคนดูแลด้านการผลิตและการขายโฆษณาลูกค้า นั่นก็คือ วิบูลย์ อุตสาหจิต

แล้วมาเกี่ยวกับ SPA อย่างไร ?

เรื่องของเรื่องคือ
.
คุณวิบูลย์ แกเบื่อกับการทำงานในโรงงาน ประกอบกับแกมักจะไปนวดแก้เมื่อยตัวเป็นประจำ แล้วพอดีจังหวะนั้นเป็นปี 2540 เกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง เงินบาทอ่อนค่า นักท่องเที่ยวเดินทางมาเยอะ แกเห็นช่องทางว่าตอนนั้น ร้านนวดถ้าไม่ใช่เป็นแบบป้า ๆ ตามร้านทั่วไปที่ไม่ค่อยสะอาดมาก ก็จะเป็นตามโรงแรมหมอนวดสาว ๆ แต่ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่
..
แกเลยเห็นโอกาสว่า ถ้ายังงั้น ทำไมเราไม่ทำร้านนวดสะอาด ๆ ดูดี และมีหมอเก่ง ๆ ล่ะ
.
คิดได้ดังนั้น แกเลยแอบที่บ้านไปเปิดร้านนวดที่ไนท์บาซาร์ เชียงใหม่ และใช้ชื่อว่า “Let’s Relax”
.
ตอนแรกไม่อยากให้ที่บ้านรู้ เพราะสมัยก่อนนั้น ร้านนวดดูมีภาพลักษณ์ไม่ได้ดีมาก กลัวที่บ้านจะว่าเอา แต่สุดท้ายก็รู้อยู่ดี เพราะร้านที่พัทยาโดนตำรวจจับ
..
===============
.
ผ่านไปกว่า 20 ปี SPA มีร้านนวดทั้งหมด 55 สาขา แบ่งเป็น
.
5 ดาว ในนาม Rarin Jinda 3 สาขา
4 ดาว ในนาม Let’s Relax 39 สาขา
3 ดาว ในนาม Baan Suan Massage 10 สาขา
Stretch Me ร้านยืดเส้นโดยนักกายภาพ 3 สาขา

• ในแง่ของรายได้มาจาก Let’s Relax 87% เป็นแบรนด์เรือธง และมีสาขาเยอะที่สุด
.
• แต่ถ้ามองในแง่ลูกค้าที่มาใช้บริการ 55% เป็นคนจีน ฮ่องกง ไต้หวัน รวมกัน และ 25% เป็นคนไทย รวม Expat ที่มาทำงานในไทย
.
• ลูกค้า 60% Walk-in กับโทรเข้ามาจอง 30% จองผ่าน online และจ่ายเงินล่วงหน้า

=======================
.
** ผลประกอบการย้อนหลังดีแค่ไหน **
..
ปี 2016 รายได้ 739 ล้านบาท กำไรสุทธิ 141 ล้านบาท (GPM 33.2%, NPM 19.1%)
ปี 2017 รายได้ 962 ล้านบาท กำไรสุทธิ 175 ล้านบาท (GPM 34.6%, NPM 18.2%)
ปี 2018 รายได้ 1,152 ล้านบาท กำไรสุทธิ 205 ล้านบาท (GPM 33.9%, NPM 17.8%)
..
รายได้โตต่อเนื่อง แต่ว่าโตลดลงทุกปี คือ +36%, +30%, +20%
.
กำไรก็เช่นกัน โตเยอะ แต่โตแบบลดลง คือ +32%, +24%, +17%

ปัจจัยทื่ทำให้เติบโตต่อเนื่องมาจาก 2 เรื่อง คือ SSSG +15.5% และการขยายสาขา +3.5%
.
โดยเฉลี่ย SPA ตั้งเป้าเปิดสาขาปีละ 10 แห่ง แต่ปีที่แล้วเปิดไป 14 แห่ง แบ่งเป็นครึ่งปีแรกแค่ 4 แห่ง และครึ่งปีหลัง 14 แห่ง

ตรงนี้มีประเด็นน่าสนใจ 3 ข้อ คือ
.
1) ปี 2019 จะได้ Full Year Impact ของการเปิดสาขาในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะครึ่งปีแรกรายได้น่าจะกระโดด
.
2) SSSG โตเยอะมาก แปลว่า รายได้ที่เป็น organic growth น่าจะยังโตต่อเนื่อง
.
3) ธุรกิจเกินครึ่งพึ่งพาคนจีน ปีที่แล้วคนจีนลดลงเยอะตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงพฤศจิกายน แต่ SPA ยังทำรายได้โต 2 หลัก แปลว่า ถ้าคนจีนกลับมา รายได้จะกลับมาด้วย และลูกค้า SPA ส่วนมากเป็นแบบมาเที่ยวเอง (FIT) ไม่ใช่กรุ๊ปทัวร์ ซึ่งสัดส่วนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตอนนี้เห็นว่าจะมีมาตรการต่อฟรีวีซ่า VOA ก็น่าจะเป็นผลบวกต่อ SPA
..
==========================
.
** แผนการในอนาคตเป็นอย่างไร **
.
1) เปิดสาขาใหม่อย่างน้อยปีละ 10 สาขา โดยปีนี้ได้พื้นที่หมดแล้ว Q1 เปิดไปแล้ว 2 ที่ ส่วนไตรมาสที่เหลือก็จะกระจายกันเปิดไป
.
2) ไปซื้อแบรนด์ร้านทำเล็บชื่อ Chaba มา ตอนนี้มี 9 สาขา สัดส่วน 76% ด้วยเงิน 125 ล้านบาท คาดว่า รายได้น่าจะประมาณ 5% ของ SPA ก็ตกราว ๆ 65-70 ล้านบาท ช่วงครึ่งปีแรกคงมีค่าใช้จ่ายการทำระบบหลังบ้านพวก ERP อะไรแบบนี้ ส่วนการขยายสาขาคงเป็นช่วงครึ่งหลัง และเห็นว่ามีแพลนจะ spin off ในอนาคต
.
3) รับบริหารร้านสปาในโรงแรมต่าง ๆ
.
4) ออกผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับสปามาขายที่หน้าร้าน
..
=======================
.
** Valuation **
.
ผู้บริหารบอกว่าตั้งเป้ารายได้โต 20% ตีกลม ๆ ก็ 1,400 ล้านบาท
..
ถ้า NPM รักษาได้ระดับเดิม 18-20% ก็คงได้กำไร 250-280 ล้านบาท (แต่อาจจะน้อยกว่านี้ถ้าต้องมีค่าจัดการ Chaba ค่าการตลาด Stretch Me หรือค่าสำรองพนักงานเกษียณตามกฎหมายใหม่)
.
คิดกลม ๆ ก็ได้ P/E ซัก 30 เท่า
.
ถามว่าสูงมั้ย ก็ต้องอยู่ที่มุมมอง เพราะเมื่อก่อนเคยมี P/E ถึง 70 เท่า และก็คงต้องประเมินว่า ร้านใหม่ ๆ อย่าง Stretch Me กับ Chaba จะโชว์ผลงานได้ดีแค่ไหน ต้องติดตาม