SCM … บันได 5 ขั้น กับเป้าหมายการเติบโต 20%

70,000 ล้านบาท คือ ตัวเลขมูลค่าธุรกิจขายตรงในประเทศไทย

11.2 ล้านคน คือ จำนวนนักธุรกิจและสมาชิกในธุรกิจนี้

32 คือ บริษัทที่เป็นสมาชิกสมาคมการขายตรงไทย แต่มีเพียง 1 เดียว คือ SCM หรือ บริษัท ซัคเซสมอร์ บีอิ้งค์ จำกัด (มหาชน) ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเปิดโอกาสให้เราซื้อหุ้นลงทุนได้

จากตัวเลขดังกล่าว ทำให้ SCM มองเห็นโอกาสของตลาดที่มีขนาดใหญ่ และ SCM เองก็เป็นผู้เล่นรายสำคัญที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผลประกอบการที่ผ่านมาเป็นแบบนี้

 

  • ปี 2562 รายได้รวม 1,100 ล้านบาท กำไรสุทธิ 59 ล้านบาท
  • ปี 2563 รายได้รวม 1,029 ล้านบาท กำไรสุทธิ 64 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้รวม 1,283 ล้านบาท กำไรสุทธิ 217 ล้านบาท
  • Q1 ปี 2565 รายได้รวม 281 ล้านบาท กำไรสุทธิ 36 ล้านบาท

 

ไม่ใช่แค่เป็นแบรนด์หลักพันล้าน แต่อัตราการทำกำไรก็เพิ่มขึ้นได้อย่างน่าสนใจ ประเด็นที่วิตามินหุ้น อยากชวนคุยก็คือ เป้าหมายปีนี้ชอง SCM ที่ต้องการรายได้เติบโต 20% และรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิที่ 15%

 

คำถาม คือ จะเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด และถ้า SCM ต้องการจะไปให้ถึงฝันจะต้องทำอย่างไรบ้าง?

 

วิตามินหุ้น มองเป็นบันได 5 ขั้น ทั้งในแง่มุมของโอกาสและความเสี่ยงแบบนี้ครับ

 

1. ขยายฐานสมาชิกในประเทศ และ ดีลเลอร์ต่างประเทศ รวมกันเป็น 250,000 ราย

กุญแจแห่งความสำเร็จของธุรกิจ MLM คือ คน ที่เรียกว่าเป็น นักธุรกิจ เพราะไม่ใช่แค่เป็นสมาชิกซื้อขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างเครือข่าย ต่อยอดเป็นลำดับขั้นตั้งแต่ Bronze, Silver, Gold ขึ้นไปเรื่อยๆ จนถึงระดับ Royal Diamond Elite ตามคะแนน PV (Point Value) ที่สะสมมา ปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 120,000 คน เป้าหมายคือ เพิ่มเป็น 150,000 คน

 

สำหรับตลาดต่างประเทศ เป็นการขายผ่านตัวแทนจำหน่ายสินค้า หรือดีลเลอร์ ซึ่งตอนนี้มีสัดส่วนรายได้ 6% จากการขายไป 6 ประเทศ ได้แก่ พม่า ลาว เวียดนาม กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์ ลำดับต่อไปก็จะขยายออกนอก AEC ไปยัง สหรัฐ เนเธอร์แลนด์ ฝรั่งเศส และ ออสเตรเลีย มีดีลเลอร์ประมาณ 100,000 ราย แปลว่า เป้าหมายรวมทั้งหมดทั้งในและต่างประเทศ คือ จำนวนสมาชิก 250,000 ราย

 

การมีสมาชิกเพิ่มมากขึ้นจะนำมาซึ่งรายได้ที่เพิ่มขึ้นทั้งการขายสินค้า การสร้างเครือข่าย ค่าบำรุงสมาชิก ค่าที่ปรึกษา แต่ก็ต้องติดตาม 2 เรื่องที่สำคัญ คือ

  • จำนวนสมาชิกใหม่เข้าปีละเป็นแสนคน แต่ก็มีคนที่ไม่ต่ออายุ หรือออกไปเป็นหลักหมื่นคนเช่นกัน ต้องติดตามว่าสุดท้ายแล้ว Active Member จะเพิ่มได้ถึงเป้ามั้ย และสามารถสร้างเครือข่ายได้ขนาดไหน
  • ดีลเลอร์ต่างประเทศ เป็นช่องทางการเติบโตมหาศาล แต่การขยายตลาดก็อาจจะต้องใช้การลงทุนและเวลา รวมถึงต้องคอยติดตามเรื่องสต๊อคสินค้า และลูกหนี้การค้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้การขายสม่ำเสมอ และไม่เกิดหนี้เสียตามมา

 

2. พัฒนาสินค้าใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง

นอกจากเรื่องคนแล้ว สิ่งสำคัญไม่แพ้กันคือ สินค้าที่ดี มีประสิทธิภาพสูง เป็นเหมือนต้นน้ำ หรืออาวุธที่ให้สมาชิกทั้งเอาไปใช้เองและเอาไปขายต่อยอดได้  SCM มีสินค้า 6 กลุ่ม สัดส่วนยอดขาย ณ สิ้นปี 2564

  • 59% กลุ่มผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบรนด์ นูทรินอล (Nutrinal)
  • 24% กลุ่มผลิตภัณฑ์เพิ่มผลผลิตทางการเกษตรแบรนด์ โกวอิ้งมอร์ (Growing More)
  • 9% กลุ่มผลิตภัณฑ์ใช้ในชีวิตประจำวันแบรนด์ บอดี้เชียร์ (Body Cheer)
  • 4% กลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวหน้าแบรนด์ เอส โมเน่ (S MONE)
  • 3% กลุ่มสินค้าผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดแบรนด์ นิทลี่โฮม (Neatly Home)
  • 1% กลุ่มผลิตภัณฑ์นวัตกรรมทันสมัยแบรนด์ สมาร์ท ครีเอชั่น (Smart Creation)

 

สินค้าหลักของ SCM คือ อาหารเสริม เช่น SOD More/ S Vera Plus โดดเด่นด้วยการคัดเลือกวัตถุดิบชั้นดีจากทั่วโลกมาผลิต และสินค้าเกษตรที่เป็นธาตุรองเสริมสำหรับพืชทุกชนิด เช่น Transform ขายดีมากในสถานการณ์ที่ราคาปุ๋ยแพงแบบนี้

 

โดยปกติแล้ว สินค้าใหม่จะทยอยออกมาเรื่อยๆ และประกาศตอนงานสัมมนาของบริษัท ล่าสุดมีออกใหม่กว่า 9 ผลิตภัณฑ์ ได้แก่ Nutriga Su-Rin (เสริมอาหารป้องกันเบาหวาน), Nutriga Canza (เสริมอาหารป้องกันมะเร็ง),  Phytovy ดีท็อกซ์ลำไส้, Oxy Quick Triple Action ผงซักฟอกสูตรเข้มข้น และผลิตภัณฑ์ Skincare จากน้ำมันเมล็ดกัญชง  ในรูปแบบของเซรั่ม Essence และครีม

 

ประเด็นที่ต้องติดตามก็จะมี 2 เรื่อง เช่นกัน คือ

  • สินค้าใหม่ตอบโจทย์ผู้บริโภคแค่ไหน ออกมาทันกับเทรนด์ในแต่ละช่วงเวลาหรือเปล่า เช่น กัญชง กัญชา Silver Age เป็นต้น ข้อดีของ SCM คือ มีคุณหมอเป็นผู้ก่อตั้ง มีทีม R&D ในการคิดค้นสินค้าใหม่ และมีโรงงานของตัวเอง กำลังการผลิต 150,000 ชิ้นต่อเดือน (แต่ส่วนใหญ่ยังจ้างคนอื่นผลิตแบบ OEM ให้) ถ้าหันมาผลิตเองเพิ่มขึ้นก็จะทำให้มาร์จิ้นเพิ่มขึ้นอีก
  • วิธีการจัดการเรื่องสต๊อคสินค้าที่ขายดีจะมีของเพียงพอมั้ย และสินค้าที่ขายไม่ดีจะมีวิธีการเคลียร์ยังไง ก็ต้องเผื่อเรื่องค่าใช้จ่ายตรงนี้ไว้ด้วย

 

3. Driving Digital เพิ่มสัดส่วนออนไลน์จาก 20% เป็น 30%

จากสถานการณ์ COVID ที่เกิดขึ้น 2 ปีที่ผ่านมา สร้างผลกระทบทั้งด้านบวกและลบให้กับธุรกิจ เอาในแง่ที่ไม่ดีก่อน คือ การพบปะเจอกันน้อยลงมีผลต่อการเพิ่มฐานสมาชิก การขายสินค้า แต่ในด้านดี คือ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมาเป็นรูปแบบออนไลน์มากขึ้น ทั้งทำ content online จัดสัมมนาออนไลน์ทั้งในและต่างประเทศ ทำให้เข้าถึงคนจำนวนมากขึ้นในต้นทุนที่ลดลง

 

เป้าหมาย คือ เพิ่มสัดส่วนยอดขายออนไลน์จาก 20% เป็น 30% ใช้ database ในการเข้าใจลูกค้ามากขึ้นว่าต้องการอะไร เคยซื้อสินค้าอะไรมา จะขายอะไรเพิ่มเติมได้อย่างไร และที่สำคัญ คือ การพัฒนาศักยภาพคนให้กลายเป็นกึ่งๆ content creator ใช้ social media ให้เป็นประโยชน์มากขึ้น

 

4. New S-Curve ก้าวเข้าสู่ธุรกิจ Leasing

SCM ตั้งบริษัทใหม่ที่มีชื่อว่า “จัดให้ ลิสซิ่ง จำกัด” ด้วยทุนจดทะเบียนสูง 100 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจการให้บริการสินเชื่อประเภทเช่าซื้อ จำนำทะเบียนรถ จำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง

 

ข้อดี คือ การที่มีฐานสมาชิกเป็นแสนรายที่สามารถปล่อยสินเชื่อได้ก่อนเลย และใช้พื้นที่สาขาทั่วประเทศของบริษัทเป็นสถานที่ทำธุรกรรม ข้อมูลก็มีอยู่แล้วว่าแต่ละคนทำยอดต่อเดือนเท่าไหร่ ใครมีความต้องการสินเชื่อบ้าง คนไหนมีความเสี่ยงมากหรือน้อย และถ้าสมมติว่า บริษัทเอามาผูกกับคะแนน PV ก็น่าจะทำให้โตได้ไวขึ้นอีก

 

แต่แน่นอนข้อเสีย คือ ความเชี่ยวชาญที่ยังไม่เคยจับธุรกิจนี้มาก่อน ต้องดูว่าจะทำเอง หรือ ไปหาผู้เชี่ยวชาญจากที่อื่นมาช่วยทำหรือเปล่า และด้วยความที่สมาชิกมีการเข้าออกค่อนข้างบ่อย การปล่อยสินเชื่อและการเก็บหนี้ต้องจัดการให้ดีเพื่อไม่ให้เกิดเป็น NPL เป็นปัญหาตามมา

 

5. สร้าง Brand Love พลังคุณค่าของแบรนด์

สุดท้ายในธุรกิจที่การแข่งขันสูง และต้องการเติบโตแบบก้าวกระโดด สิ่งสำคัญ คือ การยกระดับพลังแบรนด์องค์กรและสินค้าให้สามารถขยายกลุ่มเป้าหมาย สร้างประสบการณ์ที่ดีต่อแบรนด์ของทั้งนักธุรกิจและลูกค้า เพื่อที่จะเป็นการสร้างแบรนด์เลิฟเวอร์ให้รักและผูกพันธ์กับองค์กรต่อไป ให้สมกับปณิธานของบริษัทที่ต้องการเป็น “แรงบันดาลใจเปลี่ยนชีวิตคุณ”

 

SCM กับเป้าหมายการเติบโต 20% มีโอกาสเป็นไปได้ถ้าสามารถก้าวขึ้นบันไดทีละขั้นๆ ได้อย่างมั่นคงทั้งเรื่องของ คน สินค้าใหม่ การขับเคลื่อนผ่านดิจิตอล การเข้าสู่ S-Curve ใหม่ ด้านสินเชื่อ และสุดท้ายคือ การสร้างแบรนด์อย่างทรงพลัง แต่นักลงทุนก็ต้องประเมินเหรียญทั้ง 2 ด้าน ที่เป็นได้ทั้งโอกาสและความเสี่ยงในการลงทุนอย่างรอบคอบด้วยเช่นกัน

 

*การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจลงทุนทุกครั้ง

 

#SCM #วิตามินหุ้น