Q&A 10 คำถาม มีคำตอบ เรื่อง Jitta Wealth Global ETF

Q&A 10 คำถาม มีคำตอบ เรื่อง Jitta Wealth Global ETF

 

สวัสดีครับทุกคน อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่า ผมเน้นลงทุนหุ้นไทยเป็นหลัก เจาะลึกแบบรายตัว ซึ่งต้องใช้พลังและการค้นคว้าหาข้อมูลอย่างมากเลยทีเดียว

 

ทีนี้ผมมีความคิดอยากกระจายความเสี่ยงไปลงทุนหุ้นต่างประเทศบ้าง แต่ด้วยความที่เราเองไม่มีประสบการณ์มากนัก บวกกับไม่มีเวลาไปศึกษาหาข้อมูลหุ้นแบบเจาะลึก ผมเลยลองวิธีใหม่ด้วยการไปลงทุนกับ Jitta Wealth ด้วยเงินเริ่มต้นที่ 100,000 บาท กับแผนการลงทุนที่มีชื่อว่า Global ETF เพิ่งจะลงไปเมื่อต้นเดือนกันยายนนี้เอง

 

วันนี้ผมเลยจะมาเล่าให้ฟังว่า ทำไมถึงเลือกลงทุน Jitta Wealth Global ETF คาดหวังอย่างไร และรายละเอียดของสินทรัพย์ที่ลงทุนนั้นเป็นอย่างไร ผ่าน 10 คำถาม คำตอบ จะได้อ่านง่ายๆ แบบนี้ครับ

Q1: ทำไมถึงไม่ลงทุนเอง น่าจะได้ผลตอบแทนมากกว่าหรือเปล่า

A: ถ้าเรามีความรู้ที่มากพอ และเวลาในการติดตามข้อมูล ผมคิดว่า การเลือกหุ้นต่างประเทศด้วยตัวเองน่าจะได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า และเลือกหุ้นเล็กหุ้นใหญ่ หุ้นรายตัวที่ต้องการได้มากกว่า แต่ด้วยข้อจำกัดของผมที่อ่านหุ้นไทยยังไม่ทัน เลยขอใช้ตัวช่วยที่ไว้ใจได้ดีกว่า ผลตอบแทนน่าจะดีกว่าเราไปลงทุนเองแบบไม่มีความรู้ แบบนั้นเสี่ยงขาดทุนมากกว่า

 

Q2: แล้วทำไมถึงเลือกลงทุนแบบ Global ETF

A: เพราะความรู้ต่างประเทศเราน้อย การเริ่มต้นครั้งแรก เราก็ไม่อยากบู๊มาก เลือกที่กระจายความเสี่ยงดีกว่า Global ETF เลยเข้ามาตอบโจทย์ เพราะกระจายความเสี่ยงในหลายด้าน คือ

  • ลงทุนหลายสินทรัพย์ทั้งหุ้น หุ้นกู้ พันธบัตร
  • ลงทุนหลายประเทศทั้งสหรัฐฯ ประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศในตลาดเกิดใหม่
  • ลงทุนในหุ้นได้หลายบริษัท เพราะเป็นการซื้อ ETF

 

Q3: Global ETF มีกี่แบบ มีแผนลงทุนให้เลือกเองได้มั้ย

A: ต้องเล่าถึงหลักการก่อนว่า Jitta ใช้ทฤษฎี Modern Portfolio Theory หรือ MPT ที่คิดค้นขึ้นโดย Harry Markowitz  นักเศรษฐศาสตร์ชาวสหรัฐฯ พูดถึงการกระจายความเสี่ยงในการลงทุน โดยดูผลตอบแทนและความเสี่ยงควบคู่กันไป เป็นที่มาของแผนการลงทุน 3 แบบ ของ Jitta Global ETF ให้เราเลือกแผนที่เหมาะสมกับความต้องการ คือ

  1. แผนพอเพียง เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้น้อย คาดหวังผลตอบแทน 4% ต่อปี โดยลงทุนในหุ้น 20% และตราสารหนี้ 80%
  2. แผนสมดุล เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้ปานกลาง คาดหวังผลตอบแทน 6% ต่อปี ลงทุนในหุ้น 50% และตราสารหนี้ 50%
  3. แผนเติบโต เหมาะกับคนที่รับความเสี่ยงได้สูง คาดหวังผลตอบแทน 8% ต่อปี ลงทุนในหุ้น 80% และตราสารหนี้ 20%

 

ส่วนตัวผมเลือกแผนเติบโต เพราะอยากได้ผลตอบแทนสูงที่สุด และคิดว่ายอมรับความเสี่ยงหรือความผันผวนที่จะเกิดขึ้นได้ เพราะเท่าที่ดูผลตอบแทนในอดีต ปีที่ไม่ดีก็ติดลบ 6.7% แต่ปีที่ดีก็บวกได้มากถึง 18.7% ซึ่งการ drawdown ระดับนี้เรารับได้

 

Q4: พอร์ต Global ETF หน้าตาเป็นอย่างไร ลงทุนในสินทรัพย์อะไรบ้าง

A: ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 100,000 บาท พอร์ตที่ Jitta จัดสรรให้กับแผนเติบโตหน้าตาเป็นแบบนี้ครับ

  • 80% ลงทุนในหุ้น 18% ลงทุนหุ้นกู้หรือพันธบัตร 2% เหลือเป็นเงินสด (เพราะว่าจำนวนเงินไม่พอซื้อที่ราคา NAV ของ ETF ที่จะซื้อได้ แต่ถ้าเมื่อไหร่ที่ซื้อได้ก็จะถูกจัดสรรลงไป)
  • ถ้าดูรายละเอียดของหุ้นแบ่งได้เป็น 53.6% หุ้นขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ 17.5% หุ้นในประเทศพัฒนาแล้ว 8.7% หุ้นในประเทศตลาดเกิดใหม่

 

Q5: ETF ที่เราซื้อ ลงทุนในหุ้นอะไรบ้าง พูดชื่อมารู้จักมั้ย

A: ขอยกตัวอย่าง ETF ที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ มีชื่อว่า  Vanguard Total Stock Market ETF หรือ VTI

มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากถึง $1.3 trillion (หลักล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยกระจายการลงทุนในหุ้นทั้งหมด 3,935 บริษัท แต่ประมาณ 1 ใน 4 จะลงทุนในหุ้นใหญ่ 10 บริษัทที่เรารู้จักกันดีตามชื่อข้างล่างนี้เลย

หรือถ้าเป็นการลงทุนในประเทศพัฒนาแล้วก็จะซื้อ ETF ที่มีชื่อว่า Vanguard FTSE Developed Markets หรือ VEA มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากถึง $159.3 billion (หลักแสนล้านเหรียญสหรัฐฯ) โดยกระจายการลงทุนในหุ้นทั้งหมด 4,048 บริษัท โดย 10 อันดับแรกของบริษัทที่ลงทุน คิดเป็นสัดส่วน 10.3% และมีความหลากหลายทั้งรถยนต์ แฟชั่น อาหารและเครื่องดื่ม หรือแม้กระทั่งผู้ผลิตวัคซีน COVID อย่าง AstraZeneca

 

Q6: ตอนนี้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร กำไรหรือขาดทุน

เพิ่งลงทุนไปได้ 1 สัปดาห์ ยังวัดผลอะไรมากไม่ได้ ผลตอบแทน -1.8% เพราะลงทุนครั้งแรกจะมีหักค่าธรรมเนียมซื้อขาย โอนเงิน ต่างๆ ออกไปก่อน ผลตอบแทนมันเลยดูว่าขาดทุน แต่ก็นิดเดียวนะ ซึ่งเราก็เข้าใจในเรื่องความผันผวนอยู่แล้ว ความตั้งใจคือจะมารีวิวรายไตรมาส ก็กะว่าพอสิ้นเดือนคงเปิดดูทีนึง แล้วพอครบ 3 เดือน ก็จะเอามารีวิวให้ดูกัน

Q7: ใช้เงินลงทุนเยอะมั้ย เพิ่มได้มั้ย ถอนได้มั้ย ได้เงินปันผลหรือเปล่า

A: เริ่มต้นที่ 100,000 บาท สามารถเพิ่มทุนได้ขั้นต่ำครั้งละ 10,000 บาท ถ้ามีการจ่ายเงินปันผล เราก็จะได้ด้วย แต่ว่า Jitta จะเอาไปลงทุนต่อให้เลย ถือว่าดีนะ ไม่งั้นเราคงเอาไปใช้หมด

 

ถ้าเมื่อไหร่ที่เราอยากถอนก็ทำได้ แต่ไม่ใช่ว่าถอนปุ๊บได้เงินปั๊บ อาจต้องใช้เวลาไม่เกิน 15 วัน เป็นขั้นตอนในการถอนเงินออกมา เพราะ Jitta เป็นกองทุนส่วนบุคคล เน้นลงทุนเต็มจำนวน ใส่เงินมาเท่าไหร่ก็จะนำเงินนั้นไปลงทุนให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่ได้กันเงินสดสำรองไว้เหมือนกองทุนรวมทั่วไป

 

Q8: มีการปรับพอร์ตมั้ย บ่อยแค่ไหน

A: หลักการคือ ยึดตามสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทจากที่บอกไว้ในข้อก่อนหน้า ถ้าเมื่อไหร่มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงเกิน 5% ก็จะมีการปรับสัดส่วนกลับมาให้ได้ตามแผนการ ถ้าหุ้นขึ้นร้อนแรงไป ก็จะขายหุ้นมาซื้อพันธบัตรเพิ่ม ในทางกลับกันถ้าหุ้นลงเยอะ ก็ขายพันธบัตร มาซื้อหุ้นเพิ่ม แต่ถ้าสัดส่วนไม่เหวี่ยงเกิน 5% ก็จะมีการปรับพอร์ตโดยอัตโนมัติเมื่อครบ 1 ปี อยู่ดี

 

ข้อดีคือ เราไม่ต้องมาคอยขยับปรับพอร์ตซื้อขายเอง ระบบของ Jitta ทำให้เสร็จ ก็เป็นการสร้างวินัยได้อย่างดี และที่สำคัญลดการ bias ของการไม่ยอมซื้อหรือไม่ยอมขายไปในตัว

 

Q9: ตั้งใจว่าจะลงทุนนานแค่ไหน ค่าธรรมเนียมแพงหรือเปล่า จะคุ้มมั้ย

A: ตั้งใจเป็นการลงทุนระยะยาว ก็คงไม่ต่ำกว่า 3-5 ปี แต่เพราะจะรีวิวทุกไตรมาสอยู่แล้ว ถ้าผลตอบแทนยังดีต่อเนื่อง และนโยบายการลงทุนยังไปได้สวย ก็คงถือไปเรื่อยๆ จนกว่าหลักการหรือพื้นฐานอะไรเปลี่ยนแปลงไป พูดง่ายๆ ก็คือ ยึดหลักการ VI เลย

 

ในแง่ของค่าธรรมเนียม มีค่าบริหารจัดการ 0.5% ต่อปี ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ไม่ได้คิดเปอร์เซ็นต์ตามผลตอบแทนของกำไร จะต่างจาก Jitta Ranking แต่ก็จะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยที่ผู้ให้บริการนอกเหนือจาก Jitta เรียกเก็บ ได้แก่

  • ค่าธรรมเนียมซื้อขายสินทรัพย์ ไม่เกิน 0.20% ของมูลค่าการซื้อขาย 1 ครั้ง
  • ค่าธรรมเนียมรับฝากสินทรัพย์ 0.1% ต่อปี หรือขั้นต่ำ 80 บาทต่อเดือน
  • ค่าโอนเงินไปต่างประเทศ 500 บาทในครั้งแรก และครั้งต่อๆ ไป ฟรี
  • ค่าโอนเงินกลับจากต่างประเทศ 1,000 บาทต่อครั้ง

 

ถ้ารวมทั้งหมดแล้วก็น่าจะไม่ถึง 1% ซึ่งก็ต้องบอกว่าถูกกว่าไปซื้อกองทุนรวม หรือลงทุนเอง ถ้าเทียบกับผลตอบแทนถ้าได้ 8% ต่อปี ก็ถือว่าคุ้มค่าอยู่

 

Q10: ข้อควรระวังหรือความเสี่ยงของ Global ETF คืออะไร

A: ถ้ามองแบบตรงไปตรงมาก็น่าจะมี 3 เรื่องที่ต้องทำความเข้าใจก่อนลงทุน คือ

  • ไม่ได้ทำประกันอัตราแลกเปลี่ยนไว้ ก็อาจมองเป็นความเสี่ยงได้ถ้าค่าเงินผันผวน แต่ถ้ามองอีกแง่หนึ่ง ก็อาจมองได้ว่า การลงทุนที่หลากหลายทั่วโลกก็เป็นการทำ natural hedge ไปในตัวอยู่แล้ว
  • ถ้าถอนเงินจะไม่ได้เงินทันทีและต้องคิดถึงเรื่องภาษีด้วยว่าคุ้มค่าแค่ไหน
  • เป็นการลงทุนระยะยาวแบบกระจายความเสี่ยง แปลว่า ถ้าอยากรวยเร็วหรือจนเลยในพริบตา Global ETF ไม่ตอบโจทย์

 

และนี่ก็คือเหตุผลทั้ง 10 ข้อ ที่ตอบคำถามว่าทำไมผมถึงเลือกลงทุนกับ Jitta Global ETF ครับ แล้วผมจะกลับมารีวิวผลงานของพอร์ตนี้ให้ทุกคนได้ดูกันทุก 3 เดือน ครับ จะได้เห็นพัฒนาการว่าเป็นอย่างไรบ้าง หน้าตาพอร์ตเปลี่ยนไปหรือเปล่า และที่สำคัญจะทำผลตอบแทนได้กำไรหรือขาดทุนมากน้อยแค่ไหน แล้วพบกันครับ

 

เพื่อนๆ คนไหนสนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Jitta Global ETF ดูต่อได้ที่นี่เลยครับ https://jittawealth.com/global-etf

..

ส่วนใครที่ศึกษาดีแล้ว มั่นใจแล้ว สนใจเปิดบัญชีลงทุนกับ Jitta ก็คลิ๊กตรงนี้ได้เลย มีส่วนลดค่าธรรมเนียม 100 บาท https://link.jittawealth.co/qlffl37t7f

.

#JittaWealth #GlobalETF #วิตามินหุ้น