
จะดีแค่ไหน ถ้าเรามีโอกาสได้ลงทุนในธุรกิจที่มีรายได้กว่า 400,000 ล้านบาท ที่มีธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก และธุรกิจบริหารพื้นที่ให้เช่าในศูนย์การค้า ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจแบบ Omni-Channel ผสมผสานทั้งช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ไว้ด้วยกัน พร้อมทั้งมีศักยภาพการเติบโตในระดับภูมิภาค
วันนี้ วิตามินหุ้น จะพาทุกคนมาเจาะลึกถึง Big Deal ของ 2 ผู้นำ
MAKRO คือ ผู้ค้าส่งแบบ B2B ชั้นนำในภูมิภาคเอเชีย
Lotus’s คือ ผู้ค้าปลีกแบบ B2C ชั้นนำในประเทศไทยและมาเลเซีย
เมื่อ MAKRO รับโอนกิจการกลุ่ม Lotus’s แล้ว จึงกลายมาเป็น ผู้นำในธุรกิจค้าส่ง-ค้าปลีกอาหารสดอาหารแห้งและสินค้าอุปโภคที่มีความเชี่ยวชาญทั้งค้าส่งและค้าปลีกในภูมิภาค
ความน่าสนใจและโอกาสในการลงทุนสำหรับดีลนี้ คือ
ธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกแบบครบวงจรที่มีฐานลูกค้าขนาดใหญ่แบบเกื้อกูลกัน
- ฐานลูกค้าที่กว้างขวาง ประกอบไปด้วย ลูกค้าสมาชิก MAKRO กว่า 8 ล้านราย และสมาชิก Lotus’s คลับการ์ดในไทยประมาณ 20 ล้านราย อีกทั้งยังมีสมาชิก Lotus’s คลับการ์ดที่มาเลเซียอีกกว่า 3 ล้านราย
- รูปแบบร้านค้าที่หลากหลาย ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายทั้งค้าส่งและค้าปลีก
-
- ศูนย์จำหน่ายสินค้าที่เน้นจำหน่ายอาหารสด อาหารแห้ง และสินค้าอุปโภค จำนวนทั้งหมด 145 สาขา ในประเทศไทย อินเดีย จีน กัมพูชา และเมียนมา โดยมีกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ได้แก่ ร้านค้าปลีกรายย่อย (Food retailer) ผู้ประกอบการโฮเรก้า (HoReCa) ที่เป็นผู้ประกอบการในร้านอาหาร โรงแรม รวมถึงจัดเลี้ยง และผู้ประกอบการธุรกิจบริการ
- Hypermarkets ร้านค้าปลีกขนาดใหญ่พร้อมศูนย์การค้าเพื่อการจับจ่ายครบครันในที่เดียว จำนวนทั้งหมด 268 สาขา แบ่งออกเป็นสาขาในประเทศไทย 222 สาขา และมาเลเซีย 46 สาขา
- Supermarkets ร้านค้าปลีกขนาดกลาง ตั้งอยู่ในย่านการค้าหรือพื้นที่ชานเมือง จำนวนทั้งหมด 208 สาขา แบ่งออกเป็นสาขาในประเทศไทย 192 สาขา และมาเลเซีย 16 สาขา
- Mini Supermarkets ร้านค้าปลีกขนาดเล็ก ตั้งอยู่ในพื้นที่ชุมชน ย่านการค้าและปั๊มน้ำมัน จำนวนทั้งหมด 1,750 สาขา ทั่วประเทศไทย
- โอกาสเติบโตกับธุรกิจศูนย์การค้า เป็นการบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า Hypermarkets ของ Lotus’s เป็นหลัก ทั้งในไทยและมาเลเซีย โดยมีพื้นที่ให้เช่าสุทธิมากกว่า 1 ล้านตารางเมตร และมีอัตราการเช่าพื้นที่เฉลี่ยมากกว่า 90% นี่ยังไม่นับรวมพื้นที่ของ MAKRO อีกเป็นจำนวนมากที่เป็น hidden assets ซึ่งสามารถเอามาบริหารจัดการต่อยอดเรื่องพื้นที่ให้เช่าได้อีกมากมาย
เป็นการผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ (Offline and Online หรือ O2O) เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ สมมติคุณอยากจัดงานเลี้ยงที่บ้านช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณก็สามารถเข้าไปเลือกสินค้าผ่านทาง Application หรือ Line Official Account ของทั้ง MAKRO และ Lotus’s คุณอาจจะเลือกไปรับเองที่ร้านแบบ curbside pickup หรือ click and collect เพราะเห็นว่าเป็นทางผ่านกลับบ้าน และอยากรับของสดด้วยตัวเองก็ทำได้ หรือว่าอยากให้จัดส่งสินค้าแบบเร่งด่วน (on-demand delivery) กะเวลาถึงบ้านพอดี ของมาส่งทันเวลางานเลี้ยงก็ได้เช่นกัน
สำหรับเวลาที่ไม่เร่งรีบก็สามารถเข้าไปเลือกดูสินค้าได้ที่ “Makroclick.com” หรือช่องทาง Market Place ต่างๆ ทั้ง Grab Lazada และ Shopee แล้วนัดวันสะดวกให้มาส่งที่บ้านหรือจะแวะไปรับสาขาใกล้บ้านก็ได้เช่นกัน
พิเศษไปกว่านั้น การเพิ่มตัวเลือกที่มากขึ้นสำหรับผู้บริโภค และการสร้างประสบการณ์การจับจ่ายแบบไร้รอยต่อ ผ่านการจัดทำระบบนิเวศ Business-to-Business-to-Customer (B2B2C) ซึ่งจะมีการร่วมดําเนินงานกับคู่ค้าทางธุรกิจที่เป็นผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อปรับใช้ระบบงานที่ทันสมัยเข้าถึงได้ด้วยระบบดิจิทัล และเชื่อมต่อเจ้าของธุรกิจเข้ากับความสามารถด้านการจัดส่งถึงลูกค้าปลายทาง (last-mile logistics) ซึ่งจะช่วยเสริมประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ
- เจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก และผู้ผลิต SME ที่มีสินค้าดีอยู่ในมือ แต่ขาดช่องทางในการจำหน่าย ก็จะได้รับโอกาสในการขายที่มากขึ้น โดยการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเชื่อมต่อกับฐานลูกค้าขนาดใหญ่ผ่านระบบนิเวศทางธุรกิจ และไม่ได้จำกัดเฉพาะการขายแต่ในประเทศ ถ้าลูกค้าอยู่ต่างประเทศเห็นสินค้าแล้วชอบ ก็จะเป็นการเปิดประตูสู่ระดับภูมิภาคได้อีก
- ลูกค้า การตอบสนองความต้องการเฉพาะลูกค้าแต่ละบุคคล เป็นการทำ personalization แบบ one-to-one ต้องการสินค้าสด สะอาด สะดวก ก็สามารถเลือกสรรได้ มีหลากหลายรูปแบบ จะไปรับที่ร้านใกล้บ้าน หรือให้ส่งถึงบ้านก็ทำได้หมด
- พนักงาน เปิดโอกาสในการเติบโตในทุกรูปแบบธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจ B2B B2C หรือ B2B2C อีกทั้งการเติบโตในระดับภูมิภาคไปพร้อม ๆ กับบริษัท
งบการเงินที่แข็งแกร่ง
ข้อมูลงบการเงินเสมือนภายหลังการรับโอนกิจการ ประจำปี 2563 เป็นดังนี้
- รายได้รวมประมาณ 3 แสนล้านบาท ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว โดยมีสัดส่วนรายได้ที่มาจาก MAKRO 51% และ Lotus’s 49%
- สัดส่วนรายได้ผ่านช่องทางออนไลน์ ของ MAKRO ที่ 11% และ Lotus’s ที่ 2% โดยตั้งเป้าว่าจะเพิ่มเป็น 15-20% ภายใน 3 ปี
- มีกำไรรวมอยู่ที่ประมาณ 9.7 พันล้านบาท
- สินทรัพย์รวมมีมูลค่ากว่า 510,000 ล้านบาท
- อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นแค่ 7 เท่า
- อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น 0 เท่า
เปิดโอกาสในการลงทุนให้กับทุกคน
ล่าสุด MAKRO พร้อมเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) จำนวนรวมไม่เกิน 1,300,000,000 หุ้น ที่ราคาเสนอขายหุ้นละ 43.50 บาท เพื่อนำไปขยายกิจการ ลดต้นทุนทางการเงิน และเงินทุนหมุนเวียน ประกอบด้วย
- หุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายโดย MAKRO จำนวนไม่เกิน 910,000,000 หุ้น
- หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL จำนวนไม่เกิน 156,000,000 หุ้น
- หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด หรือ CPH จำนวนไม่เกิน 156,000,000 หุ้น
- หุ้นสามัญเดิมที่เสนอขายโดย บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด หรือ CPM จำนวนไม่เกิน 78,000,000 หุ้น
โดยจะมีการจัดสรรหุ้นสามัญบางส่วนจากหุ้นสามัญทั้งหมดที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทต่างๆ ดังนี้
- ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO (ยกเว้น CPALL บริษัทย่อยของ CPALL CPM และ CPH) ในอัตราส่วน 10 หุ้นสามัญของ MAKRO ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย
- ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPALL (ยกเว้นกลุ่ม CPG (บริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด ตามแบบ 56-1 ประจำปี 2563 ของ CPALL) ในอัตราส่วน 15 หุ้นสามัญของ CPALL ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย
- ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPF (ยกเว้นกลุ่ม CPG ตามแบบ 56-1 ประจำปี 2563 ของ CPF) ในอัตราส่วน 70 หุ้นสามัญของ CPF ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย
ซึ่งจะเสนอขายหุ้นสามัญในราคาเดียวกันกับราคาที่จะเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไป
นอกจากนี้ MAKRO อาจพิจารณาจัดสรรหุ้นส่วนเกินจำนวนไม่เกิน 130,000,000 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนไม่เกินร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดที่เสนอขายให้แก่ประชาชนในครั้งนี้
ถ้าคุณอยากเป็นส่วนหนึ่งของธุรกิจขนาดใหญ่ที่มีธุรกิจที่ครอบคลุมทั้งธุรกิจค้าส่ง ค้าปลีก และธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า รายได้รวมมากกว่า 400,000 ล้านบาทต่อปี ฐานลูกค้ามากกว่า 26 ล้านราย จำนวนร้านค้ามากกว่า 2,300 สาขา ผสมผสานช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกันแบบไร้รอยต่อ
โอกาสในการลงทุนของคุณมาถึงแล้ว …
สำหรับนักลงทุนที่สนใจ MAKRO จะเสนอขายหุ้นสามัญแก่ผู้จองซื้อรายย่อย โดยจะจัดสรรด้วยวิธี Small Lot First ด้วยระบบ SETTRADE โดยจองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น 3 ราย
- แอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking รวมถึงสำนักงานใหญ่และสาขาธนาคารกรุงเทพ
- แอปพลิเคชัน SCB EASY รวมถึงสำนักงานใหญ่และสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ
- แอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที
ส่วนผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ สามารถจองซื้อผ่านตัวแทนรับจองซื้อหุ้น 2 ราย
1. แอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking รวมถึงสำนักงานใหญ่และสาขาธนาคารกรุงเทพ
2. แอปพลิเคชัน SCB EASY รวมถึงสำนักงานใหญ่และสาขาธนาคารไทยพาณิชย์ทั่วประเทศ โดยสามารถจองซื้อตามสิทธิที่ได้รับจัดสรรหรือเกินกว่าสิทธิที่ได้รับการจัดสรร
โดยทางกลุ่มบริษัทฯ เห็นคุณค่าและให้ความสำคัญกับความเชื่อมั่นที่ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO, CPALL และ CPF มีต่อกลุ่มบริษัท จึงเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมนี้ ได้ทำการจองซื้อหุ้น MAKRO ตามสิทธิการถือหุ้น และเปิดโอกาสให้สามารถจองซื้อเกินกว่าสิทธิการถือหุ้นที่มีอยู่ได้อีกด้วย
หุ้นมีจำนวนจำกัด ในราคาเสนอขาย 43.50 บาทต่อหุ้น โดยจะเปิดจองซื้อในวันที่ 4-9 ธ.ค. นี้
การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น PO ที่ 43.50 บาทต่อหุ้น ถือเป็นราคาที่ไม่แพงและเป็นราคาที่มีความเหมาะสมด้วยเหตุผล 4 ประการ ได้แก่
1) นักลงทุนทุกกลุ่มจะได้จองซื้อในราคาเดียวกัน ทั้งผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิได้รับจัดสรร ผู้จองซื้อรายย่อย นักลงทุนสถาบัน และนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors)
2) ง่ายต่อการสื่อสารและการดำเนินการกับนักลงทุนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยและผู้ถือหุ้นเดิม ที่มีสิทธิได้รับจัดสรร สามารถชำระเงินจองซื้อด้วยราคาเดียวกัน ทำให้ลดปัญหาเรื่องกระบวนการคืนเงินจองซื้อ
3) นักลงทุนจะได้จองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO ในราคาเดียวกับราคา Swap Price (ราคาแลกเปลี่ยน) ในช่วงที่ บมจ.สยามแม็คโคร ออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง (PP) เพื่อรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์จากบริษัท ซี.พี. รีเทล โฮลดิ้ง จำกัด เท่ากับเป็นการลงทุนเพื่อเริ่มเติบโตไปพร้อมกับบริษัทฯ และ
4) ราคาเสนอขาย 43.50 บาทต่อหุ้น ต่ำกว่าราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ที่หุ้นละ 47 บาท โดยมีส่วนลดประมาณ 7.5% และต่ำกว่าราคาหุ้นเฉลี่ยย้อนหลัง 1 เดือน ซึ่งอยู่ที่หุ้นละ 48 บาท โดยมีส่วนลดประมาณ 9.3%
ทั้งนี้ จำนวนหุ้นที่เสนอขายครั้งนี้ไม่เกิน 1,300 ล้านหุ้น และอาจมีการจัดสรรหุ้นส่วนเกินไม่เกิน 130 ล้านหุ้น ซึ่งทางบริษัทฯ พิจารณาแล้วว่าเหมาะสม เนื่องจากหลังสิ้นสุดการเสนอขายหุ้น PO จะมีสัดส่วนผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) เกินกว่า 15% ตามเกณฑ์ขั้นต่ำของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และมีผลกระทบต่อสัดส่วนการถือครองหุ้น (Control Dilution) ของผู้ถือหุ้นเดิม และอัตรากำไรสิทธิต่อหุ้นของ MAKRO (EPS Dilution) น้อยกว่า กรณีที่มี Free Float เป็นจำนวนมากกว่านี้
ส่วนกลุ่มนักลงทุนหลักแบบเฉพาะเจาะจง (Cornerstone Investors) ซึ่งเป็นนักลงทุนสถาบันชั้นนำมีจำนวน 14 ราย ที่ลงนามในสัญญา Cornerstone Placing Agreement รวมทั้งสิ้นประมาณ 423 ล้านหุ้น มูลค่ารวมกว่า 18,000 ล้านบาท
การเสนอขายหุ้น PO ครั้งนี้ จึงเป็นโอกาสของผู้ถือหุ้นเดิมและประชาชนทั่วไป และร่วมเป็นเจ้าของธุรกิจค้าส่ง B2B และค้าปลีก B2C ที่จะเติบโตไปด้วยกันในภูมิภาค
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02-090-9191 (ทุกวันเวลา 09.00-18.00 น.)