KT-EMEQ … ลงทุนหุ้นคุณภาพ ในตลาดเกิดใหม่

“หุ้นในอุดมคติของคุณ” หน้าตาเป็นอย่างไร?

ถ้าไม่มีข้อจำกัดในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเงิน เวลา ภาษา จะเป็นหุ้นอะไรก็ได้ หรืออยู่ประเทศไหนก็ได้ คุณอยากมีหุ้นแบบไหนไว้ในครอบครอง

ถ้าเป็นผมนะ ผมขอมโนแบบนี้ละกัน

  • อันดับแรกเลย ขอเป็นหุ้นที่กำไรเติบโต เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม อยู่ในประเทศตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพสูง
  • อันดับที่สอง เก่งอย่างเดียวไม่ได้ ขอเป็นบริษัทที่มีธรรมาภิบาล ดูแลสังคม รักสิ่งแวดล้อมด้วย
  • อันดับที่สาม สำคัญสุดเลย ขอราคาที่มีโอกาส upside ด้วยนะ ไม่ใช่ซื้อไปแล้วติดดอย ก็ไม่เอา

 

โอ๊ย ตื่น ๆ ๆ หุ้นที่ทั้งเก่ง ดี มีความสามารถ แล้วราคายังมีโอกาส upside อีก มันจะไปมีได้ยังไง

ถึงมีจริงก็คงจะมีบริษัทละประเทศ อาจจะมีที่จีน เกาหลี บราซิล รัสเซีย ประเทศละ 2-3 บริษัทมั้ง

แล้วเราจะไปซื้อได้ยังไง แค่ทำเอกสารเปิดพอร์ตก็วุ่นแล้ว

.

..

เวลาผ่านไปหลายวัน ระหว่างที่ผมนั่งดูหุ้น หากองทุน เพื่อลงทุนอยู่นั้น ก็บังเอิญมาสะดุดเข้ากับ “กองทุนเปิดเคแทม อีเมอร์จิ้ง มาร์เก็ตส์ อิควิตี้ ฟันด์” หรือที่มีชื่อย่อว่า KT-EMEQ ที่อ่านไปอ่านมาตรงกับสิ่งที่เรามโนไว้ทั้งหมดเลย อยากรู้แล้วใช่มั้ยครับว่าเป็นอย่างไร ตามมาครับ ผมจะพาไปหาคำตอบกัน

 

ข้อ 1 ลงทุนผ่าน Master Fund 5 ดาว ระดับโลก

KT-EMEQ เน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน Vontobel Fund – mtx Sustainable Emerging Markets Leaders เพียงกองเดียว โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนรวม โดยกองทุนนี้การันตีถึงความเก่ง เพราะได้รับการจัดอันดับ Morningstar 5 ดาว (ข้อมูล ณ 31 พ.ค. 62) ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุด

(คำเตือน ผลการดำเนินในอดีต มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต)

 

ข้อ 2 ลงทุนในตลาดเกิดใหม่ หรือประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Market)

ประเทศในตลาดเกิดใหม่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างมากในระยะยาว เพราะว่ามีปัจจัยที่เอื้อให้เกิดการเติบโตทั้งด้านประชากร สังคม และการลงทุน ตามรายละเอียดดังนี้

 

  • โครงสร้างประชากรอายุยังน้อย จะเติบโตเป็นวัยแรงงานจำนวนมากในอนาคต
  • การขยายตัวของชนชั้นกลาง พอมีรายได้มากขึ้น ก็เกิดการบริโภคมากขึ้น
  • การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นปัจจัยขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้โตแบบก้าวกระโดด

 

ข้อ 3 เฟ้นหาบริษัทที่โดดเด่นในการทำกำไรโดยดูจาก ROIC

 

เรามักจะคุ้นเคยกับอัตราส่วนทางการเงินอย่าง ROA และ ROE ซึ่งเป็นการวัดผลตอบแทนของกำไรเทียบกับสินทรัพย์และส่วนทุน ตามลำดับ แต่ยังมีอีกอัตราส่วนหนึ่งที่นักลงทุนระดับโลกนิยมใช้กันนั่นก็คือ ROIC หรือ Return on Invested Capital เพราะเป็นตัวสะท้อนผลตอบแทนได้ดีกว่า

 

ถ้าจะให้เข้าใจ ROIC ต้องเริ่มที่ ROA ก่อน คือ Return on Asset = EBIT/Asset

เป็นการวัดว่า สินทรัพย์ทั้งหมดที่กิจการมีสร้างผลกำไรก่อนจ่ายดอกเบี้ยและภาษีเท่าไร

 

แต่จุดอ่อนของ ROA คือ

  • ไม่คำนึงถึงภาษีที่ต้องเสีย เพราะใช้ EBIT
  • ไม่คำนึงถึงทรัพย์สินที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะใช้ Total Asset เช่น หลังจากซื้ออุปกรณ์ สร้างโรงงานไปหมดแล้ว เหลือเงินสดอยู่ ไม่ได้เอามาใช้ แต่ก็ถูกคิดรวมเข้ามาด้วย
  • ไม่คำนึงถึงอำนาจการต่อรอง เช่น บริษัทได้เครดิตลูกค้านาน เอาของมาขายก่อน เจ้าหนี้การค้าจะสูง

 

จึงเป็นที่มาของการปรับสูตรให้สะท้อนถึงผลตอบแทนของกิจการมากขึ้น สูตรคือ ROIC = EBIT after tax / Invested Capital

  • เราจะได้กำไรที่หักภาษีออก ได้ภาพที่ชัดเจนขึ้น กลายเป็น EBI
  • Invested Capital = สินทรัพย์รวม – เงินสด – เจ้าหนี้การค้า (เป็นการสะท้อนเม็ดเงินที่ใช้ในการลงทุนจริง ๆ ของกิจการ)

 

ในระยะยาว ROIC และผลตอบแทนของหุ้น มีความสัมพันธ์ไปในทิศทางเดียวกัน และบริษัทที่มี ROIC สูง จะมีผลการดำเนินงานที่ดีกว่า บริษัทที่มี ROIC ต่ำ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์สำคัญที่กองทุนหลักของกอง KT-EMEQ นำมาใช้ในการเลือกกิจการเข้าพอร์ต

 

ข้อ 4 ลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม

นอกจาก ROIC ที่สูงแล้ว ยังต้องเป็นบริษัทที่เป็นผู้นำตลาด และมีความได้เปรียบในการแข่งขันสูงที่สุด เพื่อสร้างกำไรในอันดับต้น ๆ ของอุตสาหกรรม เพราะการที่เราลงทุนกับผู้ชนะที่แท้จริง ก็จะมีแนวโน้มที่จะสร้างการลงทุนที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืนให้พอร์ตของเราเช่นกัน

 

ข้อ 5 ลงทุนในบริษัทที่มี ESG เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

 

คงจะดีถ้าเราเลือกได้ว่าจะไม่ลงทุนในบริษัทที่ขายอาวุธ ขายยาสูบ และไม่มีการทุจริตในองค์กร

เพราะเราอาจจะไม่สบายใจถ้าได้กำไรจากการขายสินค้าเหล่านี้ หรือบริษัทที่มีการทุจริต สุดท้ายกำไรก็ต้องลดลง และราคาหุ้นก็จะลดลงอย่างมากในที่สุด

 

ซึ่ง KT-EMEQ ทำแบบนั้น เพราะกองทุนหลักยึดหลักการลงทุนแบบ ESG ด้วยการเลือกบริษัทที่มีพื้นฐานการทางธุรกิจที่ยั่งยืนใน 3 เรื่องด้วยกัน คือ

 

E – Environment รักษาสิ่งแวดล้อม

S – Social คำนึงถึงสังคม

G – Governance มีธรรมภิบาล

 

ข้อ 6 ลงทุนในหุ้นที่มีโอกาส upside อย่างน้อย 25%

การที่เราได้เจอบริษัทที่ดี กำไรเติบโต ถือว่าเราเลือกถูกต้องเพียงครึ่งหนึ่ง แต่จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ถ้าเราซื้อหุ้นที่ราคาเต็มมูลค่าหรือว่าแพงเกินไปแล้ว เหมือนคำแนะนำของ Warren Buffet ที่บอกให้เราลงทุนในบริษัทที่ยอดเยี่ยม ในราคายุติธรรม (Buy a wonderful company at a fair price)

 

KT-EMEQ หลังจากกองทุนหลักคัดสรรหุ้นที่ดีเข้ามาอยู่ในลิสต์แล้ว จะทำการประเมินมูลค่า และซื้อหุ้นที่มีโอกาส upside อย่างน้อย 25% เข้าพอร์ตเพื่อสร้างโอกาสรับผลตอบแทนที่ดี

 

พอร์ตการลงทุนหน้าตาเป็นอย่างไร

  

การลงทุนกระจายไปในหลากหลายประเทศทั้งจีน เกาหลี บราซิล แอฟริกาใต้ รัสเซีย เป็นต้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าครอบคลุมในประเทศที่กำลังเติบโต ในแง่อุตสาหกรรมที่ลงทุนก็หลากหลายทั้ง การเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ สื่อสาร อสังหาริมทรัพย์ พลังงาน เป็นต้น

 

ถ้าเรามาลองดูหุ้นรายตัวที่กองทุนถือก็จะเห็นได้ว่ามีความน่าสนใจไม่ใช่น้อย ลองมาดู Top 5 กันครับ

  • Tencent ชื่อนี้คงไม่ต้องพูดเยอะ ใคร ๆ ก็รู้จักและอยากเป็นเจ้าของ เพราะเป็นผู้ให้บริการแอพแชท WeChat เว็บไซต์ Sanook และแอพฟังเพลง JOOX รวมไปถึงเกมส์ออนไลน์อีกมากมาย
  • DBS Group เป็นบริษัทด้านธุรกิจการเงินระดับโลก
  • Ping An บริษัทประกันภัยชื่อดัง ที่มีกลุ่ม CP เข้าไปถือหุ้นด้วย
  • Taiwan Semiconductor บริษัทที่ใหญ่ที่สุดในไต้หวัน ผู้ผลิตชิปรายใหญ่ระดับโลกให้กับ Apple และ NVDIA
  • CNOOC เป็นบริษัทสำรวจ พัฒนา ผลิตน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติ รายใหญ่ระดับโลก

 

ผลงานที่ผ่านมาดีแค่ไหน

  • YTD +14.7% (ถึง 30 เมษายน)
  • 3 ปี ย้อนหลัง +17.2%
  • 5 ปี ย้อนหลัง +10%

ที่มา: Vontabel Asset Management ข้อมูล ณ วันที่ 30 เม.ย. 2562
ผลการดำเนินงานในอดีต/ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

 

ความเสี่ยงมีอะไรบ้าง

  • เนื่องจากบริหารแบบเชิงรุก วิเคราะห์หลักทรัพย์รายตัว จึงมีโอกาสจำกัดในการลงทุนเป็นรายตัวได้ และไม่สามารถรับกันได้ว่าจะประสบความสำเร็จทุกตัว
  • ตลาดเกิดใหม่อาจได้รับผลกระทบจากความไม่แน่นอนทางการเมือง ขาดสภาพคล่อง และความผันผวน
  • การลงทุนในสกุลเงินต่างประเทศ มีความเสี่ยงจากความผันผวนของสกุลเงิน

 

สรุปรายละเอียดการซื้อขายกองทุน KT-EMEQ

  • ลงทุนขั้นต่ำ 1,000 บาท
  • ค่าธรรมเนียมการขาย ไม่เกิน 3.21% แต่ปัจจุบันเรียกเก็บจริง 1.5%
  • ค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืน ไม่เกิน 3.21% แต่ปัจจุบันไม่ได้เรียกเก็บ
  • ค่าธรรมเนียมการจัดการ ไม่เกิน 2.14% แต่ปัจจุบันเรียกเก็บจริง 1.07%
  • ค่าธรรมเนียมนายทะเบียน ไม่เกิน 0.535% แต่ปัจจุบันเรียกเก็บจริง 0.214%

 

กองทุน KT-EMEQ เสนอขายครั้งแรกวันที่ 17 – 25 มิ.ย. 2562 เริ่มต้นลงทุนเพียง 1,000 บาท

ศึกษารายละเอียดหรือขอรับหนังสือชี้ชวนที่ ธนาคารกรุงไทย ผู้สนับสนุนการขาย หรือ

บลจ.กรุงไทย โทร 02-686-6100 กด 9

 

คำเตือน: ผู้ลงทุนต้องทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน กองทุนนี้มีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจผู้จัดการกองทุน

 

#KTAM #KTEMEQ