KOOL เย็นไล่ยุง ดีพอมั้ย

โดยส่วนตัวผมมองว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นกึ่งวัฏจักรที่ขึ้นกับอากาศร้อนเป็นหลัก และมี season ที่ขายดีในครึ่งปีแรกโดยเฉพาะ Q2 ที่เป็นช่วงหน้าร้อน เหมือนกับสินค้าพวก แอร์ พัดลม แป้งเย็น

ปี 2557 ยอดขาย 458 ล้านบาท 
ปี 2558 ยอดขาย 636 ล้านบาท (+39%)
ปี 2559 ยอดขาย 881 ล้านบาท (+39%)
ปี 2560 ยอดขาย 538 ล้านบาท (-39%)
..
ยอดขายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามอากาศที่ร้อนขึ้นทุกปี โดย KOOL โตปีละเกือบ 40% แต่ปีที่แล้วอากาศไม่ร้อนและฝนตกทำให้ยอดขายตกลงเกือบ 40% เช่นกัน
.
นอกเหนือไปจากนั้นจากการที่ปี 2559 อากาศร้อนมาก KOOL ขายดี เลยมีคู่แข่งรายเล็กจากจีนหรือรายใหญ่เช่น HATARI เข้ามาในตลาดอย่างคึกคัก กลายเป็นตลาด Red Ocean เพราะไม่มีแบรนด์ไหนต่างกันแบบเห็นได้ชัด ลูกค้าก็ไม่ได้มีแบรนด์ในใจ สุดท้ายเลยตัดสินใจด้วยราคา
.
แต่ถ้ามาดูกำไรสุทธิ อาการจะหนักกว่า แบบนี้
.
ปี 2557 กำไรสุทธิ 31 ล้านบาท
ปี 2558 กำไรสุทธิ 8 ล้านบาท (-74%)
ปี 2559 กำไรสุทธิ 87 ล้านบาท (+987%)
ปี 2560 ขาดทุนสุทธิ 88 ล้านบาท (-201%)
..
ถามว่าทำไมกำไรหรือขาดทุนถึงขึ้นลงโหดขนาดนั้น อย่างที่บอกคู่แข่งเยอะ แบรนด์ KOOL ไม่แข็งแรง คนรู้จักแค่ 20-30% ต้องลดราคามาชน บวกกับปีที่แล้วเพิ่มพื้นที่การขายไปใน Modern Trade (Tesco, Big C) เป็นเท่าตัว มาเป็น 510 แห่ง เสียเงินค่าเด็ก PC เยอะมาก ไม่ว่าจะขายได้หรือไม่ได้

====================================
.
** สรุปปัญหาของ KOOL คืออะไร **
.
1) Seasonal Product ยิ่งร้อนยิ่งขายดี แต่ถ้าไม่ร้อนก็จบชีวิต
2) แบรนด์ไม่แข็งแรง สินค้า copy ได้ง่าย เพราะก็ทำจากเมืองจีนเหมือนกัน สุดท้ายตัดราคากันเอง
3) ขยายสาขาเยอะเกินไป ขายได้ไม่ได้ไม่รู้แต่มีค่าจ้างเด็ก PC ตลอดเวลา
..
** ปี 2561 KOOL แก้เกมส์อย่างไร **
.
1) สภาพอากาศ เหมือนเริ่มจะร้อนขึ้นกว่าปีที่แล้ว แต่ก็มีฝนบ้างเป็นบางวัน แต่ก็ไม่ได้ร้อนเท่าปี 59 ที่พีค
.
2) คู่แข่งล้มหายตายจากกันไปหมด จากที่มีเป็น 10 แบรนด์ ก็เหลือ 4-5 แบรนด์ และเห็นมีแต่ Master Kool ทำโฆษณา
.
3) ออกสินค้าใหม่ “เย็นไล่ยุง” ราคาเต็มเกือบ 9 พันบาท แต่ตอนนี้มีโปรเหลือ 6,590 บาท หลักการคือใช้ระบบคลื่นเสียงความถี่สูง (อัลตร้าโซนิค) เข้าไปในโสตประสาทของยุง จนมันรำคาญต้องบินหนีไป แต่เครื่องใช้กำลังวัตต์ต่ำ เพราะไม่อยากให้มีเสียงหวีด ๆ รบกวนผู้ใช้ มันเลยต้องใช้เวลาพักนึงกว่ายุงจะรำคาญและบินหนีไป
.
ต้องรอดูว่าคนจะซื้อกันเยอะมั้ย เพราะก็ไม่ถูก และต้องรอพักนึงกว่ายุงจะไป แต่โฆษณาน่าสนใจนะครับ ผลงานจากพี่ต่อ ฟีโนมีนา คนดูกันเยอะเลย ต้องดูว่าช่วยเรื่องแบรนด์ได้มั้ย
.
4) ลดจำนวนร้านค้าที่ขายใน Modern Trade จาก 510 เหลือ 260 แห่ง ผู้บริหารบอกว่าเหลือแต่จุดที่ขายได้ดี แต่ความจริงเดาว่าไม่ใช่ น่าจะเป็นเพราะขายไม่ดีมากกว่า ไม่คุ้มค่าจ้างเด็ก PC ไปยืน (ตบยุงก็ไม่มีให้ตบ) บวกกับทางห้างเองก็ต้องวัด sale to space หรือยอดขายต่อขนาดพื้นที่อยู่แล้ว สินค้าไหนไม่คุ้มเค้าก็เอาออก
.
5) เน้นไปขายซีกโลกใต้ คือ ออสเตรเลีย เม็กซิโก อเมริกาใต้ ในช่วงที่เมืองไทยไม่ร้อน เพื่อจะให้ขายได้ทั้งปี และแนวโน้มก็จะเน้นตลาดส่งออกมากขึ้น
.
6) ไปออกงาน Canton Fair ที่กวางโจว เป็นงานใหญ่เดือนเมษายนกับตุลาคม จะได้ลูกค้าก็งานนี้ แต่ว่าก็มีคู่แข่งจากจีนที่ไปออกงานเหมือนกัน

** สรุปยังไงดี Turn Around มั้ย **
.
โดยส่วนตัวผมให้น้ำหนักกับอากาศร้อนค่อนข้างมาก ดูลมฟ้าพยากรณ์แล้วก็น่าจะดีขึ้น บวกกับคู่แข่งระเนระนาดหายกันไปหมดก็น่าจะเป็นโอกาสที่จะทำยอดขายให้โตกลับมาได้ แต่ไม่แน่ใจว่าสินค้าใหม่ พัดลมเย็นไล่ยุง จะขายดีมั้ยเพราะก็ไม่ถูกและประสิทธิภาพดีแค่ไหนต้องรอติดตาม
.
เราต้องแยกให้ออกว่าหุ้นที่กลับมาโตจากปีที่เลวร้าย กับ หุ้นเติบโตมันไม่เหมือนกัน แบบแรก ถ้าดูมีความคาดหวังว่าจะดีหุ้นก็พร้อมที่จะขึ้น แต่ถ้าสุดท้ายไม่ดีจริงหรือดีไม่มากมันก็พร้อมจะลงได้เช่นกัน โดยเฉพาะหุ้นที่มีขนาดไม่ใหญ่อย่าง KOOL
.
ส่วนแบบที่สองเติบโตต่อเนื่อง แบบนี้ราคาจะขึ้นได้เรื่อย ๆ ตราบเท่าที่กำไรยังโตได้อยู่ แต่ก็ต้องอาศัยความพยายามในการสร้างแบรนด์ นวัตกรรมใหม่ หรือแผนการตลาดที่ดีกว่าคู่แข่ง เพื่อหลีกหนีสงครามราคา คำถามคือ KOOL ทำได้หรือเปล่า ?