EKH … เติบโตไปกับแม่และเด็ก

ใครเคยผ่านไปแถวมหาชัย แถวสมุทรสาคร ก็จะทราบว่ามีโรงงานตั้งอยู่เยอะ โดยเฉพาะส่งออกอาหารทะเล ห้องเย็นจำนวนมาก และมีแรงงานต่างด้าวอยู่กันอย่างหนาแน่น ทำให้เมื่อ 12 ปีที่แล้ว กลุ่มทุนท้องถิ่นด้านอสังหาริมทรัพย์ตระกูล “ปัญญาสาคร” กับกลุ่มซอสปรุงรส “ตราง่วนเชียง” และกลุ่มแพทย์จำนวนหนึ่ง เห็นโอกาสในการเติบโตของธุรกิจด้านการรักษาพยาบาล จึงได้ร่วมกันก่อตั้งโรงพยาบาลเอกชัยขึ้นมา โดยมีพื้นที่ 12 ไร่ ตึก 6 ชั้น มีเตียงรับผู้ป่วยใน 100 เตียง ห้องตรวจโรค 20 ห้อง ใช้เงินลงทุนตอนนั้น 350 ล้านบาท

เริ่มแรกยังเน้นกลุ่มแรงงานเป็นหลัก แต่การแข่งขันรุนแรงขึ้น จึงได้ยกเลิกโครงการประกันสังคมไปตั้งแต่ปี 2554 ประกอบกับการเห็นแนวโน้มว่าสมุทรสาคร เป็นจังหวัดที่มีการเติบโตของประชากรสูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศ ทำให้ EKH หันมาเน้นด้านแม่และเด็กมากขึ้น ซึ่งเป็นการจับลูกค้าระดับบนเพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา และคุณหมออำนาจ เอื้ออารีมิตร ผู้อำนวยการ ก็เป็นสูตินรีเวช จบจากศิริราช ทำให้เชี่ยวชาญทางด้านนี้
..
** กลุ่มคนไข้ของ EKH คือใคร **

• 53% ลูกค้าทั่วไป (แนวโน้มเพิ่มขึ้น) 47% ลูกค้าคู่สัญญา พวกบัตรประกันต่าง ๆ
• 51% OPD 49% IPD >> โดยปกติใกล้เคียงกัน แต่ Q2’61 OPD เพิ่มมาเป็น 53% เพราะเตียงเต็ม คนไข้ต้องรออยู่ที่ OPD ก่อน
• อัตราการครองเตียง (Bed Occupancy Rate) อยู่ราว ๆ 70% โดยปกติ Q3 จะพีค แต่มาปีนี้ Q2 บางเดือนก็ 100% แล้ว เพราะคนไข้มาเยอะจริง ๆ โดยเฉพาะเด็ก 1H’61 มีเด็กมาหาหมอเฉลี่ย 53 คนต่อวัน vs. 1H’60 มีเด็กมา 41 คนต่อวัน
• จำนวนวันนอน 2.3-2.4 วัน คือไม่ได้เน้นให้นอนเยอะ หายให้รีบกลับเพราะว่าคนไข้รอคิวยาว ตอนนี้ก็ให้เด็กไปใช้ Ward ผู้ใหญ่บางส่วน Renovate ห้องบางส่วนให้รับคนไข้ได้มากขึ้น
• ถึงแม้จะเด่นเรื่องเด็กแต่ 30% ของรายได้มาจากแผนกฉุกเฉิน 20% กุมารเวช 14% อายุรกรรม เพราะว่าแถบนั้นมีอุบัติเหตุจากโรงงานเกิดขึ้นบ่อยทำให้รายได้เลยมาจากฉุกเฉินเยอะ
.
=============================
.
** ผลประกอบการที่ผ่านมาเป็นอย่างไร **
.
ปี 2558 รายได้ 439 ล้านบาท กำไรสุทธิ 48 ล้านบาท (GPM 32.2%, NPM 11.1%)
ปี 2559 รายได้ 512ล้านบาท กำไรสุทธิ 75ล้านบาท (GPM 35.2%, NPM 14.7%)
ปี 2560 รายได้ 541 ล้านบาท กำไรสุทธิ 84 ล้านบาท (GPM 35.2%, NPM 15.5%)
.
1H 2560 รายได้ 243 ล้านบาท กำไรสุทธิ 25 ล้านบาท (GPM 30.5%, NPM 10.5%)
1H 2561 รายได้ 289 ล้านบาท กำไรสุทธิ 44 ล้านบาท (GPM 36.3%, NPM 15.4%)
.
ที่ผ่านมารายได้โตปีละประมาณ 10% แต่ปีนี้โตเยอะเกือบ 20% และมีอัตรากำไรที่ค่อย ๆ ขยับเพิ่มได้เรื่อย ๆ คือควบคุม SG&A เก่ง เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 18-19% มาโดยตลอด นั่นแปลว่าถ้ารายได้ยิ่งเพิ่ม กำไรก็จะยิ่งเพิ่มได้มากกว่า ทีนี้เรามาดูกันว่าทำไมรายได้ปี 2561 ถึงกระโดด
.
ข้อ 1 คนไข้เข้ามามากขึ้นโดยเฉพาะเด็ก จากโรคระบาดต่าง ๆ ทั้งพิษสุนัขบ้า ไข้หวัดใหญ่ RSV
..
ข้อ 2 ปรับราคาห้องพักบางส่วนเพิ่ม 10% ประมาณซัก 30 เตียง

ข้อ 3 เปิดศูนย์ IVF หรือเด็กหลอดแก้ว โดย 70-80% เป็นคนจีน เหตุผลก็เพราะนโยบายให้มีลูกคนที่ 2 ได้ ทำให้ IVF เป็นที่ต้องการ และทำที่จีนรอคิวนาน ทำที่อเมริกาแพง เข้ามาในไทยก็ต้องไปเจตนิน หรือไม่ก็มีมีศูนย์ของเอกชนประมาณ 30 กว่าแห่ง EKH มีเอเจนซี่ไปพาคนจีนที่อยากมีลูกเข้ามาโดยตรงเลย ตั้งเป้าว่าทั้งปีมี 120 ราย ตกเดือนละ 10 ราย แต่ Q3 ที่ผ่านมาเข้ามาเดือนละ 20 รายแล้ว ค่าบริการตีกลม ๆ ตก 400,000 บาท ซึ่งถูกกว่าในเมืองเยอะพอสมควร (นิดนึงครับ ศูนย์ IVF นี่เป็นของบริษัทย่อยชื่อ EKI แต่ EKH ถือหุ้น 77% เพิ่มจากเดิมที่มีอยู่ 57%)
..
============================
.
** แล้วปี 2562 ยังจะโตได้อีกมั้ย **
.
1) เปิดคลินิก IVF แถวพระราม 9 ใกล้ ๆ RCA เพราะคนจีนอยู่แถวนั้นเยอะ เป็นเหมือนศูนย์รองรับลูกค้าก่อนแล้วส่งต่อมาที่โรงพยาบาล EKH อีกทีนึง ลงทุนเริ่มต้น 15 ล้านบาท จากทั้งหมด 50 ล้านบาทที่วางแผนไว้ เปิดประมาณปลายปี 2561
.
2) เพิ่มเตียงของศูนย์ไตเทียมจาก 10 เป็น 24 เตียง งบลงทุน 20 ล้านบาท (Break Even น่าจะ 2 ปี) เปิดต้นปี 2562 เพราะทุกวันนี้คนไข้มาฟอกไตวันละ 4 รอบ กว่าจะเสร็จก็ไปถึงเที่ยงคืนตีหนึ่ง ขยายเตียงก็จะช่วยได้เยอะ คือคนไข้จะได้ไม่ต้องอยู่ดึก และพยาบาลก็ไม่ต้องทำ OT กัน
.
3) เปิดตึกใหม่ 5 ชั้น 54 เตียง งบลงทุน 285 ล้านบาท ตัดค่าเสื่อม 30 ปี โดยย้าย Ward เด็กที่แน่นมากไปตึกนั้น และ Renovate ชั้น 5-6 ตึกเก่า เพื่อรองรับคนไข้ผู้ใหญ่โดยจะปรับราคาเพิ่มเล็กน้อยซัก 500 บาท
.
.. ตึกใหม่จะเริ่มเปิด 36 เตียงก่อน ใน Q2’62 และที่เหลือก็จะทยอยเปิดในปีเดียวกันต่อไป CFO บอกว่ารายได้น่าจะเกินค่าเสื่อมได้สบาย เค้าคิดค่าเสื่อมเผื่อๆ ปีละ 15 ล้านบาท
.
สรุป EKH กลยุทธ์การเติบโตค่อนข้างชัดว่าจับกลุ่มลูกค้าระดับบนของจังหวัดสมุทรสาคร เน้นแม่และเด็ก เริ่มตั้งแต่ทำเด็กหลอดแก้ว ซึ่งถ้าทำสำเร็จก็จะเกิดการบอกต่อ คนจีนก็จะเข้ามากันมากขึ้น อาจจะไม่ต้องผ่านเอเจนซี่ด้วยซ้ำ ถ้าดูฝีมือทั้งคุณหมออำนาจและทีมงานแล้วคิดว่าไม่ยาก รวมถึงตึกใหม่ที่เป็นการเพิ่มจากเดิม 100 เป็น 150 เตียง คือ 50% เลยทีเดียว (แต่รายได้และกำไรอาจไม่ได้เพิ่มตามนี้ ตัดค่าเสื่อมอีก ก็อาจได้ 20-30% เดานะ)
.
แล้วถ้าเกิดตึกนี้เต็มอีกทำไง ตรงข้ามโรงพยาบาลมีที่ดินอยู่เป็นของกรรมการบริษัทคนนึง ก็น่าจะขยายได้ไม่ยาก แล้วถ้าเราจำได้กลุ่มผู้ก่อตั้งคือทำอสังหาริมทรัพย์อยู่แล้ว เรื่องที่ดินน่าจะไม่ต้องกังวล แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตอีกไกล สุดท้ายต้องอย่าลืมประเมินราคาว่าถูกหรือแพงทุกครั้งก่อนลงทุน