
หุ้นเป็ดตัวนี้ ผมเคยลงทุนเมื่อประมาณเกือบ 2 ปีที่แล้ว ด้วยหลักการที่ว่าหุ้นเกิดการ panic จากโรคไข้หวัดนกระบาดที่ยุโรป และเกิดการ fusion โดยไปซื้อกิจการคู่แข่งคือ VSE ที่เนเธอร์แลนด์ (เพราะไปไม่รอด) เท่ากับว่าในส่วนของต่างประเทศจะมีเป็ดให้ขายเพิ่มขึ้นประมาณ 80% คู่แข่งหลักอย่างฮังการีและโปแลนด์ เป็นฟาร์มเปิด ต้องฆ่าเป็ดทิ้งทั้งหมด ทำให้เป็ดยุโรปขาดตลาด
ประกอบกับช่วงนั้นราคาอาหารสัตว์อย่างถั่วเหลืองก็กำลังลงพอดี คือ ถ้าดูตามสตอรี่แล้ว รอแค่ไข้หวัดนกผ่านไป ฟ้าหลังฝนเมื่อไหร่ ยอดขายและกำไรเพิ่มขึ้นมากแน่ ๆ แต่การเล่นหุ้นแบบนี้มีความเสี่ยง ผมจึงตั้งข้อควรระวังไว้ 6 ข้อ ว่าถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้ ให้พิจารณาหาจุดขายทันที ไม่มีการต่อรอง
.
1. ไข้หวัดนกอาจจะกลับมาระบาดอีก และถ้ารุนแรงกว่าเดิมก็จะแย่
2. ราคาอาหารสัตว์ถ้าเพิ่มขึ้นก็จะกระทบต้นทุน เช่น ภัยแล้ง
3. ถ้าเป็ดจากฮังการีและโปแลนด์ล็อตใหม่ออกเมื่อไหร่ supply ก็จะเพิ่ม นั่นแปลว่าคู่แข่งกำลังจะกลับมา
4. ยุโรป (หรือแม้แต่สหรัฐฯ) มีข่าวการคว่ำบาตร การกำหนดโควต้าอยู่บ่อย ๆ ไก่ก็มี ทูน่าก็โดน ก็ต้องระวัง
5. หลังจากนี้แล้วบริษัทมีกิจการอะไรเพิ่มเติมหรือเปล่า ถ้าไม่มีแล้วจะโตอย่างไรต่อ
6. หุ้นตัวนี้มีกองทุนแห่งหนึ่งถือเยอะ ถ้าเขาขายราคาก็ลงได้
..
ผมซื้อหุ้นตัวนี้ไปแถว ๆ 6 บาท และผลประกอบการก็ออกมาตามคาด ถ้าดูย้อนหลังรายได้และกำไรเป็นแบบนี้
.
ปี 2559 รายได้ 8,108 ล้านบาท กำไรสุทธิ 213 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 8,877 ล้านบาท กำไรสุทธิ 554 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 8,181 ล้านบาท กำไรสุทธิ 191 ล้านบาท
.
คือ จะเห็นว่าปี 2560 เป็นปีที่รายได้โตเพิ่มขึ้น ราว ๆ 10% (น้อยกว่าคาด เพราะขายเป็ดในประเทศไม่ดี) แต่กำไรกลับโตเป็นเท่าตัวด้วยอานิสงค์ของต้นทุนและการบริหารจัดการ VSE ที่ไม่ได้เพิ่มคน ในแง่ของราคาหุ้นก็ปรับตัวสูงขึ้นไปถึงซักประมาณ 8.70 บาท ได้
..
ระหว่างที่หลายคนกำลังเพลิดเพลินกับกำไรอยู่นั้น ผมเห็นราคาหุ้นเริ่มปรับตัวลงมา พอไปหาข่าวก็พบว่า เหมือนจะมีไข้หวัดนกระบาด บวกกับกองทุนเจ้านั้นขายออกมาจากที่ถือเกิน 15% เหลือ 14.9% (สำหรับคนที่ไม่ทราบนะครับ ทุกครั้งที่ซื้อขายผ่าน 5%, 10%, 15% ต้องรายงานตลาดหลักทรัพย์ และถ้าเราเห็นตัวเลขปริ่ม ๆ แบบนี้ ให้ระวังไว้เลยว่าอาจเป็นสัญญาณเตือนภัย)
..
โดยส่วนตัวผมขายทิ้งทันที เพราะมันตรงตามกฏที่ผมวางไว้ 2 ข้อ คือ ไข้หวัดนก และ กองทุนขาย บวกกับพอไปดูแผนการในอนาตคของบริษัท ดูดีนะทั้งลงทุนร่วมกับอินโด บุกตลาดเวียดนาม ทำ ready to eat หรือไปหุ้น 40% กับเชฟแมน แต่ว่าหลายอย่างกว่าจะเสร็จมันต้องใช้เวลา ผมเลยพิจารณาว่า ความเสี่ยงอาจไม่คุ้มค่ากับการรอคอย (ผมเห็นหลายคนยังถืออยู่ บางคนติดกับดักปันผล บางคนคิดว่าเดี๋ยวกำไรจะกลับมา)
..
============================
.
ตัดภาพมาวันนี้ BR เหลือ 2.98 บาท
.
เป็นภาพที่ไม่อยากจะเชื่อว่าลงมาได้ขนาดนี้ แต่พอมาดูผลประกอบการไตรมาสแรกครับ
.
Q1’2562 รายได้ 2,024 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 14 ล้านบาท
.
เทียบกับปีที่แล้ว
Q1’2561 รายได้ 2,191 ล้านบาท กำไรสุทธิ 86 ล้านบาท
..
เป็นการขาดทุนครั้งแรกในรอบ 3 ปี แต่ยอดขายยังทรงตัวอยู่นะ พอไปไล่ดูใน MD&A กับ AGM จะพบว่าที่ขาดทุนหลัก ๆ มี 2 ประเด็น คือ
.
1. ปีที่แล้วมีเจ้าหน้าที่ของสหภาพยุโรป (EU) เข้ามาตรวจโรงงานที่บางพลี พบว่ามาตรฐานการผลิตต่าง ๆ โอเค ผ่าน แต่เนื่องจากมีการขยายกำลังการผลิตเพิ่มเติม ทำให้ต้องมีแรงงานเพิ่ม คนเชือดเป็ดเพิ่ม แน่นเต็มโรงงาน EU บอกว่าสถานที่คับแคบมีผลต่อสวัสดิภาพพนักงาน ไม่ให้ผ่าน ทำให้ BR ต้องปรับปรุงโรงงานใหม่กระทบกำไร และจริง ๆ แล้ว BR ก็กำลังสร้างโรงงานเชือดใหม่ที่สระแก้วพอดี แต่กว่าจะเสร็จก็ปี 2020
.
ตอนนี้ BR ไม่อยากเสียลูกค้าไป เลยต้องไปผลิตที่อื่น ไปซื้อเป็ดจากที่อื่นมาขายให้ยุโรปไปก่อน ทำให้กำไรลดลงไปอีก ส่วนเป็ดที่โรงงานตัวเอง โตเต็มที่แล้วก็ต้องเชือด ขายราคาถูกลง และเห็นว่าใน AGM ก็มีเอามาแจกให้ผู้ถือหุ้นด้วย
.
2. มีคดีความเรื่อง BOI เรื่องภาษี ตอนไปซื้อหุ้นมาจากบริษัท London8 (เรื่องนี้ยาว เพราะว่า BR เคยเข้าฟื้นฟูมาก่อน มีกองทุนที่อังกฤษซื้อไป แล้วพอปรับระบบเสร็จก็เลยไปซื้อกลับมา) เรื่องนี้เริ่มตั้งแต่ปี 2555 ผ่านไป 3 ปี เพิ่งมารู้ว่าต้องเสียภาษีเพิ่มให้สรรพากร จ่ายเองไปก่อน 100 ล้านบาท แล้วไปฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายกับ London8 แต่เค้าระบุว่าต้องไปคุยกันที่ศาลสิงคโปร์ สุดท้ายยังไงไม่รู้แพ้คดี แถมเสียเงินค่าทนายไปอีก 50 ล้านบาท คือแพงมาก แต่บริษัทก็กำลังดำเนินการเรื่องความเป็นธรรมต่อไป
..
เอาหลัก ๆ แค่ 2 ประเด็นนี้ก็ทำให้ขาดทุนเยอะมากครับ บวกกับเชฟแมนที่ไปหุ้นด้วยก็ขาดทุน หรือการขยายไปอินโดกับเวียดนามก็ดูไม่ค่อยคืบหน้า ราคาอาหารสัตว์ก็ขึ้น สต็อคเป็ดก็เหลืออยู่เยอะ ปีนี้คงต้องลดราคาเคลียร์กันอีก
..
======================
.
คำถามสำคัญคือ BR จะกลับมาได้มั้ย ?
.
ผมว่าปีนี้ดูสถานการณ์แล้วยังไงก็ขาดทุน กว่าจะกลับมาได้ต้องรอให้ EU มาตรวจอีกรอบ และคิดว่าจะผ่านเมื่อโรงงานสระแก้วเสร็จ บวกกับต้องติดตามการขยายไปต่างประเทศให้ทำได้จริงแบบเยอะ ๆ มาก ๆ (เห็นว่าจะไปโคโซโวกับซาอุ) ก็น่าจะช่วยให้ฟื้นกลับมาได้ครับ แต่ต้องไม่ลืมเรื่องต้นทุนอาหารสัตว์ การแข่งขันสูงที่ยุโรป คือ ถึง BR จะกลับมาจากขาดทุนได้ (ในปีหน้า) แต่จะบินได้มั้ย ไม่แน่ใจ
.
ใครสนใจรายละเอียดใน AGM อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ
http://investor-th.bangkokranch.com/…/20190509-br-agm2019-m…
..
#BR #วิตามินหุ้น
www.stockvitamins.co