ราคาร่วงมา 9 วันติด จากที่เคยอยู่แถว ๆ 16 บาท ล่าสุดอยู่ที่ 10.10 บาท เรียกได้ว่าราคากลับไปเริ่มต้นที่ IPO เลยทีเดียว เรามาลองวิเคราะห์ตามกันนะครับว่าสาเหตุอะไรที่ทำให้ AMA ร่วงระเนระนาดขนาดนี้
1) ปันผลเป็นหุ้น 5:1 และเงินสด 0.20 บาท
.
XD ไปแล้วเมื่อ 19 มีนาคม ที่ผ่านมา จากราคาปิดวันก่อนหน้าอยู่ 16.40 บาท ถ้าคิดแบบง่าย ๆ ราคาควรจะ Dilute ไป 20% และหักไปอีก 0.20 บาท คร่าว ๆ ก็แถว ๆ 13 บาท
.
ทีนี้หลายคนสงสัยว่า D/E ต่ำ 0.82 เท่า Debt/EBIT 3.6 เท่า (หนี้ที่มีดอกเบี้ย) MICR 7 เท่า (Modified Interest Coverage Ratio) แล้วจะแจกหุ้นปันผลทำไม
.
เพราะถ้าคิดอัตรากู้เงินที่ 2 เท่าของทุน ก็จะกู้ได้ 4 พันล้านบาท หักลบกลบหนี้บวกเงินสดที่มีก็จะมีเงินเหลือ 2,800 ล้านบาท โดยประมาณ คือ เหลือ ๆ ว่างั้นเถอะ ความเป็นไปได้มีอยู่ 2 อย่าง คือ
• เพิ่มฐานทุนให้สูงขึ้นเพื่อจะได้เพิ่มสภาพคล่องและกู้ได้มากกว่าเดิม เหมือนอย่างที่ HMPRO เคยแจกหุ้นปันผลในอดีต จนถึงระดับนึงที่ฐานใหญ่พอ ธุรกิจโตได้ ก็มาแจกเป็นเงินสดแทน ซึ่งมีความเป็นไปได้เพราะเรือลำนึงก็ประมาณ 400 ล้านบาท และถ้าดูแผนระยะยาว AMA อยากซื้อเรือลำใหญ่ขึ้นเพื่อวิ่งไปทางปากีสถาน อินเดียตะวันตก ก็อาจต้องการใช้เงินเพิ่มขึ้น (ขอบคุณพี่ Ake Thamrong สำหรับแนวคิดคม ๆ ครับ)
.
• มีแผนจะทำ M&A กับบริษัท Logistic เรื่องนี้ได้ยินมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ที่ผู้บริหารบอกว่ากำลังทำ Financial Study อยู่ ก็อาจจะมีแนวโน้มว่าจำเป็นต้องใช้เงินเลยแจกหุ้นปันผลออกมา แต่เรื่องนี้มันยังไม่เกิดขึ้น เลยไม่อยากให้เอามาเป็นประเด็นในการคำนวณ เพราะมันจะทำให้เรามองโลกในแง่ดีเกินไปครับ และอีกอย่างถ้าบริษัท M&A กับเจ้าใหญ่มาก ๆ จนต้องเพิ่มทุน นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ดี ยังไงรอติดตามความจริงปรากฎดีกว่า
.
2) ราคาน้ำมันขึ้นมากในช่วง Q1 ปีนี้
.
คือ AMA ขนส่งทางเรือใช่มั้ยครับ ทีนี้ต้นทุนหลัก ๆ เลย คือ น้ำมันเชื้อเพลิง และปัญหาคือสมมติรับ order มาตอน Q4 ปีที่แล้ว ตกลงราคากับลูกค้าไว้แล้ว แต่ส่งของจริงตอน Q1 ปีนี้ ทีนี้ปกติเรือวิ่งไปก็จะไปเติมน้ำมันตามท่าเรือต่าง ๆ ระหว่างทางขนส่ง ถ้าน้ำมันขึ้น กำไรก็จะลดลง
.
เรื่องนี้เคยเกิดขึ้นมาตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะน้ำมันก็ขึ้นมาจาก 43.6 USD ในปี 2559 มาเป็น 54.1 USD ในปี 2560 ทำให้กระทบกำไรของ AMA ใน Q2,Q3 ไปบ้าง
.
และ AMA ขอปรับขึ้นราคามาทีนึงตอนกันยายน 2560 ทำให้ Q4 กำไรดีขึ้นมาได้ มาดู GPM แต่ละไตรมาสจะเห็นชัดว่าเป็นแบบนี้
.
GPM 2559 เรียง Q1-Q4: 27.4% >> 30% >> 32.3% >> 29.8%
GPM 2560 เรียง Q1-Q4: 27.7% >> 26.2% >> 25.5% >> 32.3%
.
เราก็จะเห็นว่า Q4 กลับมาดีหลังจากปรับราคาขายได้ เพราะฉะนั้นการที่ช่วง Q1’61 ราคาน้ำมันทะลุ 60 USD ขึ้นไปกระทบแน่ ๆ แต่จะมากน้อยแค่ไหนต้องติดตาม เพราะว่าอย่างน้อยราคาที่ปรับขึ้นมาตอนกันยา น่าจะมาช่วยได้บ้างส่วนนึง และ AMA เองบอกว่ากำลังเจรจาขอปรับขึ้นราคาขายอยู่
.
3) เรือเข้าอู่ Q1’61 กระทบแค่ไหน
.
ปกติเรือของ AMA วิ่งไปได้ 30 เดือน จะเข้าอู่เช็คสภาพทีนึง ใช้ระยะเวลา 1-1.5 เดือน รอบนี้ที่เข้าอู่ คือ เรือเล็กชื่อเรืออาม่าเหมือนชื่อบริษัทขนาด 3,000 เดทเวทตัน เป็นการเข้าตามแผนที่ผู้บริหารแจ้งอยู่แล้ว ทั้งปีก็จะมีการเข้าอู่ 4 ลำ เดี๋ยวจะมีตอน Q2 ช่วงสงกรานต์ และมีอีก 2 ลำ ช่วง Q4 เป็นลำใหญ่
.
ส่วนเรือลำใหม่ลำที่ 11 เพิ่งรับเรือมาปลายมกราคม ก็เข้าเช็คสภาพ เปลี่ยนธง ทดลองวิ่ง อันนี้เป็นเรื่องปกติของเรือใหม่ และเริ่มออกวิ่งส่งของจริงกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมาไปแล้ว
.
ผมคิดว่า การที่เรือเข้าอู่ไม่น่าจะมีประเด็นอะไร เพราะเป็นสิ่งที่ทำตามแผนที่วางไว้ นอกจากว่าจะเป็นการซ่อมใหญ่เปลี่ยนอะไหล่เยอะ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นแบบนั้น เพราะเรืออาม่า เหลืออายุแค่ 6 ปี ถ้าต้องยกเครื่อง เชื่อว่าคงไม่ทำ ส่วนเรือใหม่ที่เพิ่งซื้อมาก็น่าจะต้องเช็คก่อนว่าสภาพดีถึงจะซื้อ
.
4) ตลาดน้ำมันปาล์มไม่ดีหรือเปล่า
.
สถานการณ์น้ำมันปาล์มคือ ผลผลิตล้นตลาด ผู้ส่งออกรายใหญ่ 85-90% ของโลก คือ อินโดนีเซีย กับ มาเลเซีย บวกกับมีข่าวแง่ลบว่าอินเดียเพิ่มภาษีศุลกากรขาเข้า ทำให้มาเลเซียเองต้องแก้เกมส์ด้วยการยกเลิกภาษีส่งออกน้ำมันปาล์ม 3 เดือนในช่วง Q1 ที่ผ่านมาเพื่อระบายของ ผมเลยลองไปเช็คที่ website ของมาเลเซียอันนี้ครับ
.
http://mpoc.org.my/monthly_sub_page.aspx?id=8a415edd-79fb-4f50-931e-1ae5cd199274
.
เราก็จะเห็นว่า 2 เดือนแรกปีนี้ ส่งออกน้ำมันปาล์มโตเยอะมาก +18% และถ้าเลื่อนลงมาดูรายประเทศ ก็จะเห็นว่าส่งออกไปอินเดียเพิ่ม 88% ส่งออกไปจีนลดนิดหน่อย แต่ที่ลดเยอะคือไปพม่า
.
ถ้าเรามาดูเส้นทางการขนส่งน้ำมันปาล์มของ AMA 34% ไปอินเดีย 26% ไปพม่า 19% ไปจีน 12% ไปเวียดนาม ถ้าดูแบบนี้ก็เดาว่าน่าจะได้ประโยชน์จากการที่ตลาดอินเดียโตเยอะ แต่ก็จะต้องหักล้างกับการที่พม่าและจีนลดลงบางส่วน เป็นไปได้ว่ารายได้ AMA โตตามการขนส่งที่เพิ่มแต่ต้นทุนก็เพิ่มตามราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเช่นกัน
…
สรุปสั้น ๆ ผมว่ามี 2 สาเหตุหลักที่ราคาหุ้นร่วงแรง
.
1) Dilution จากการแจกหุ้นปันผล บวกเงินสด
2) ราคาน้ำมันขึ้นเร็วกระทบต้นทุนและยังปรับราคาขายตามไม่ได้
.
ทำให้งบ Q1’61 อาจดูไม่สวยถ้าเทียบกับ Q1 ปีที่แล้วที่ฐานสูง (EPS 0.13) ต้องลองไปคำนวณกันต่อครับว่า ราคาหุ้นมันลงมาเยอะเกินไปหรือว่าเหมาะสมดีแล้ว เพราะถ้าเรามองถูกนั่นคือโอกาส แต่ถ้าเรามองผิดเราก็เสียหายได้เช่นกัน
.
อ้อ พอดีรายงานประจำปี 2560 เพิ่งออกเมื่อวาน ผมลองเข้าไปดูเห็นจุดน่าสนใจเรื่องนึง คือ เงินเดือนผู้บริหารบริษัทนี้สูงมาก คนละหลายแสน และปรับเพิ่มเยอะมาก ๆ จากปีก่อนหน้า ผมก็ไม่แน่ใจว่าเป็นเรตปกติของธุรกิจสายเรือหรือเปล่า แต่เห็นแล้วประหลาดใจเลยเอามาเล่าให้ฟังครับ