อรุณสวัสดิ์ครับ นอนหลับกันหรือเปล่าหลังจากหุ้นตกไป 40 จุด การที่ตลาดหุ้นลงแรง ๆ มันเป็นได้ทั้งวิกฤตและโอกาสเสมอ เช้าวันนี้เลยอยากแชร์มุมมองว่าเราควรจะรับมืออย่างไรกันดีในวันที่ตลาดเป็นแบบนี้
1) ทำใจ
.
ถ้าพอร์ตเราแดง ยืนขึ้นครับ สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ จากปลายเท้าขึ้นมาถึงศีรษะ แล้วค่อย ๆ ปล่อยลมหายใจออกช้า ๆ ทำใจให้สงบครับ
.
หลายคนอาจแก้ปัญหาด้วยการไม่ดูพอร์ตตัวเองว่าขาดทุนแค่ไหน ผมจะบอกว่านั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรทำเพราะมันคือการหลอกตัวเอง ทำใจยอมรับความจริงครับ ผิดคือผิด ถูกคือถูก ให้คิดว่า “ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วดีเสมอ” .
.
และที่สำคัญอย่าโทษคนอื่น อย่าโทษอเมริกา จีน รัฐบาล ธนาคาร ผู้บริหาร เพราะต่างคนต่างทำหน้าที่ของตัวเอง ถ้าเราผิดเพราะเราซื้อหุ้นตัวนั้นเองก็ต้องโทษตัวเราเอง ถ้าวันไหนที่เรายอมรับได้ว่าตัวเองผิด วันข้างหน้าเราจะทำได้ถูกเอง
.
2) ทำความเข้าใจ
.
เปิดพอร์ตดูที่ภาพรวมเขียวหรือแดง อย่าเพิ่งเป็นลม ไล่ลงมาดูที่หุ้นรายตัวว่าตัวไหนกำไรตัวไหนขาดทุน ทำความเข้าใจว่าเราทำตรงไหนได้ดีและไม่ดี ซึ่งหลัก ๆ ที่เรามักเจอก็คือ
.
• ไม่กระจายความเสี่ยง เช่น ถือหุ้นน้อยตัวเกินไป ใส่เงินเยอะไปกับหุ้นบางตัวที่เรามั่นใจมากว่ายังไงก็ไม่แพ้ แต่สุดท้ายในระยะสั้นมันก็อาจจะแพ้ได้นะ เพราะฉะนั้นเราต้องวางแผนเรื่อง Asset Allocation ให้ดี
.
• ชอบซื้อหุ้นขาขึ้น คือ เรามักจะกลัวตกรถ แต่ไม่กลัวติดดอยกัน พอเราเห็นตลาดวิ่งไป 1,800 จุด เพื่อน ๆ เราได้กำไร เราเลยอดใจไม่ไหวซื้อหุ้นตามในเวลาที่มันอาจจะแพงเกินไป คือบางทีซื้อหุ้นถูกตัวแต่ผิดจังหวะก็ทำให้เกิดผลเสียตามมาได้ ต้องคอยเตือนตัวเองอยู่บ่อย ๆ ครับว่าให้ซื้อตอนป้าย SALE เท่านั้น
.
• ซื้อหุ้นผิดตัว คือ บางทีอยากได้หุ้นตัวนี้มาก ทั้ง ๆ ที่เรายังศึกษามาไม่ดีพอ แค่เห็น story น่าสนใจ พื้นฐานดูโอเค แต่ยังไม่ได้ประเมินมูลค่าเลย กลัวมันจะวิ่งไปซะก่อน เราเลยรีบซื้อ สุดท้ายติดดอย จริง ๆ ผมจะบอกว่าไม่ต้องรีบครับ ถ้าหุ้นดีจริง ยังไงมันก็รอเรา เพราะเราหวังกำไรหลักสิบหลักร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าใครซื้อช่องนี้ไปขายช่องหน้าอันนี้ก็อีกกรณีนึงครับ
.
• คัทลอสไม่เป็น คือ ทำใจไม่ได้เวลาเห็นหุ้นตัวเองตก ตั้งใจว่า 10% ขาย หรือ ขาดทุน 5 พันบาท ยังไงต้องออก แต่พอเหตุการณ์จริง เรากลับลุ้นให้มันเด้ง ซึ่งบ่อยครั้งมันลงต่อ และมันจะเด้งเมื่อเราขายทิ้ง เพราะมันคือจุดที่ทุกคนหมดใจไม่มีใครอยากขายแล้ว เราต้องวางแผนตั้งแต่ก่อนซื้อเลยครับว่าจะขายเมื่อไหร่ เท่าไหร่ ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนั้นแบบนี้ขึ้นมาจะทำอย่างไร
.
• ไม่เคยถือเงินสด เพราะในเวลาหุ้นตก มันอาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้เราได้ซื้อหุ้นที่เราหมายตามานานแต่มันไม่ลงมาซักที พอตลาดเท หุ้นทุกตัว เลยตกใจร่วงลงมากันหมด ทั้ง ๆ ที่ปัจจัยพื้นฐานก็ยังไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไป แล้วถ้าเราไม่มีเงินสด แต่เราเห็นโอกาสในหุ้นบางตัว เราก็ต้องปรับพอร์ตครับ ขายตัวที่คิดว่าจะไม่ดี หรือ upside น้อยกว่า มาหาตัวที่มันลงมาเยอะ ๆ ที่เรารอมานาน แบบนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีกว่า (ส่วนตัวผมก็ทำแบบนี้นะ)
.
• อย่าลืมชมตัวเอง ข้อนี้สำคัญเพื่อสร้างกำลังใจ คือ ถ้าจุดไหนเราทำถูก เราต้องบอกตัวเองว่าให้ทำแบบนี้ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ หลายคนบอกยังหาที่ทำถูกไม่เจอเลย ให้คิดแบบนี้ครับว่า นี่ขนาดขาดทุนเยอะเรายังรอดมาได้ อย่างน้อยเรายังเหลือเงินไว้สู้ใหม่ ให้คิดว่าโดนใบเหลืองยังไม่ได้โดนไล่ออกจากสนาม
.
3) ทำแผนการใหม่
.
หลังจากเราตรวจสอบตัวเองเสร็จแล้วว่าเราทำถูกหรือผิดพลาดที่ตรงไหน ก็ถึงเวลาต้องแก้ไขกันครับ ทีนี้ง่ายละ ให้คุณเริ่มที่ภาพใหญ่ก่อนเลยว่า เงิน 100 บาท ที่คุณมีจะแบ่งไปซื้อสินทรัพย์อะไรเท่าไหร่ ถือเงินสดเท่าไหร่ ผมเคยได้ยินหลักคิดข้อนึงที่บอกว่าให้เราเอา 100 ตั้ง ลบด้วยอายุตัวเอง สมมติ 30 จะได้ผลลัพธ์คือ 70 แปลว่า คุณสามารถซื้อสินทรัพย์เสี่ยงอย่างหุ้นได้ 70% ที่เหลือก็เอาไปซื้อพันธบัตร ฝากธนาคาร ที่มันเสี่ยงน้อยกว่า
.
หรือถ้าเราต้องการเวลาหาความรู้เพิ่มเติม ก็ไปซื้อกองทุนรวมก็ได้ครับ และนี่ก็อาจเป็นช่วงเวลาที่ดีในการทยอยซื้อ LTF/RMF ดีกว่าไปซื้อตอนปลายปีที่หุ้นมันอาจจะกลับขึ้นไปอีกรอบแล้วก็ได้ (จำได้มั้ยที่เราชอบบ่นนกันตอนธันวาปีที่แล้วว่ารู้งี้ซื้อกลางปีดีกว่า นี่ไงโอกาสมาแล้ว)
.
แต่ถ้าใครชัวร์ว่าตกผลึกทางความคิดแล้ว ให้จดบันทึกแผนการลงสมุดเลยครับ ว่าหลักการในการลงทุนของเราคืออะไร จะซื้อหุ้นกี่ตัว ตัวละกี่เปอร์เซ็นต์ กระจายความเสี่ยงอย่างไร จุดซื้อหรือขายอยู่ตรงไหน
.
4) ทำสมาธิ
.
วางแผนเสร็จอย่าเพิ่งรีบซื้อ ตั้งสติก่อนครับ ทำสมาธิ ให้มีธรรมะอยู่ในใจ อย่าวู่วาม ลองทบทวนใหม่ว่าเราเข้าใจข้อถูกและข้อผิดพลาดของตัวเองครบแล้วใช่มั้ย แผนที่เราวางไว้รอบคอบรัดกุมดีแล้วใช่มั้ย ถ้าใช่ก็แปลว่าเราพร้อมเริ่มเกมส์ใหม่อีกครั้ง หลายคนชอบคิดว่า ยังงี้เป็นปีก็ไม่ได้ซื้อหุ้นซักทีสิพี่ ผมก็คงตอบว่า ก็ใช่นะ คือ ถ้าเราไม่พร้อมแล้วจะหาเรื่องเอาเงินเข้าไปเสียให้ตลาดทำไม สู้เราพร้อมเมื่อไหร่ค่อยเข้าไปลงทุนและเอาเงินออกมาจากตลาดดีกว่า จำไว้ว่า ไม่มีใครบังคับให้คุณเดินลงสนามได้ถ้าคุณไม่ก้าวเข้าไปเอง
.
5) ทำกำไรใหม่
.
ถ้าคุณผ่านมาถึงขั้นนี้ได้แปลว่า คุณพร้อมลงสนามอีกครั้งแล้ว ขอให้คุณจดจำกระบวนท่าต่าง ๆ ที่คุณเตรียมมาให้ดี ลองจำลองเหตุการณ์ต่าง ๆ ว่า ถ้าเกิดหุ้นขึ้นจะทำอย่างไรหุ้นลงทำอย่างไร ผมชอบที่พี่มี่ ทิวา บอกว่า “ถ้าตอนซื้อหุ้นเราซื้อยาก ตอนที่เราจะขายหุ้นมันจะง่ายมาก” และถ้าเราทำได้แบบนี้ สุดท้ายเราก็จะทำกำไรได้เองครับ
.
ขอให้ทุกคนโชคดีครับ