
“ผู้จัดงาน Event มือถืออันดับ 1 ของประเทศ”
..
ถ้าอยากจองโรงแรมหรือห้องพัก ต้องไป “งานไทยเที่ยวไทย”
ถ้าอยากไปซื้อสินค้าเด็ก ต้องไม่พลาด “Baby & Kids Best Buy”
เช่นเดียวกัน ถ้าจะไปซื้อมือถือเครื่องใหม่ หรือ Gadget สุดเจ๋ง ก็ต้องไปเลือกในงาน “Thailand Mobile Expo”
ปี 2560 ประเทศไทยจัดงาน Event แบบนี้ 114 งาน แต่ละงานมีคนไปเดินเป็นหลักแสน และสร้างเม็ดเงินสะพัดตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพันล้านบาทในระยะเวลาแค่ 4 วันที่จัดงาน อยากรู้มั้ยครับว่า ผู้จัดงาน Event รายได้และกำไรดีแค่ไหน
..
พอดีว่ามีบริษัทน้องใหม่กำลังจะเข้าตลาด ชื่อว่า “เอ็มวิชั่น หรือ MVP” เป็นผู้จัดงาน Thailand Mobile Expo (TME) เลยลองเข้าไปศึกษามา และนี่คือ 10 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ MVP ที่ผมอยากพาไปรู้จักกันครับ
.
1) MVP ทำธุรกิจมา 16 ปีแล้ว เริ่มต้นจากนิตยสารจนมาถึงงาน Event และต่อยอดไปสู่ eCommerce
.
• ปี 2545 เริ่มต้นจากเป็นผู้ผลิตนิตยสารเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือชื่อว่า “WHATPHONE”
• ปี 2550 จากความรู้ด้านมือถือ ต่อยอดสู่การจัดงาน Thailand Mobile Expo ครั้งที่ 1
• ปลายปี 2558 เข้าสู่ธุรกิจ eCommerce โดยเป็น Official Store จำหน่ายสินค้า Samsung ทั้งมือถือ ทีวี และเครื่องใช้ไฟฟ้า โดยใช้ชื่อว่า www.s-estore.com
• ปี 2559-2560 เริ่มรับจัดงานประเภทอื่น ๆ เช่น วิ่งมาราธอน สัมมนา workshop รวมทั้งมีรถบ้าน (Caravan) ให้เช่าใช้งานและขายโฆษณาติดรถอีกด้วย
.
2) รายได้และกำไรเติบโตค่อนข้างเร็ว
.
ปี 2558 รายได้รวม 130 ล้านบาท กำไรสุทธิ 4 ล้านบาท (GPM 25.4%, NPM 2.8%)
ปี 2559 รายได้รวม 191 ล้านบาท กำไรสุทธิ 18 ล้านบาท (GPM 36.1%, NPM 9.3%)
ปี 2560 รายได้รวม 285 ล้านบาท กำไรสุทธิ 29 ล้านบาท (GPM 38.5%, NPM 10.2%)
…
สัดส่วนรายได้ 53% Event 34% e-Commerce และ 12% Media & Agency อัตราส่วนกำไรก็ดูเติบโตดีใช้ได้ สรุปแบบสั้น ๆ ก่อน คือ ขยายพื้นที่ในงาน Thailand Mobile Expo ได้เพิ่ม ขยายไปจัดงาน Event อื่น ๆ เพิ่ม และขายมือถือ Samsung ได้เยอะขึ้นในแต่ละปี คือ Galaxy และ Note รุ่นใหม่ออกมาขายดีกว่ารุ่นเก่า แต่ส่วนที่นิ่งๆ คือ Media & Agency และปี 2561 กำลังจะย้ายคอนเทนต์ในนิตยสาร WHATPHONE มาที่ออนไลน์แทน
.
3) งาน Event ยังเติบโต แต่ห้ามพึ่งพา TME อย่างเดียว
.
งาน Event รายได้ 3 ปี ย้อนหลัง เพิ่มจาก 106 >> 115 >> 152 ล้านบาท
ต้องบอกแบบนี้ว่า 70% ของรายได้มาจากการจัดงาน Thailand Mobile Expo งานนี้ไม่ธรรมดานะ คนมางานประมาณ 700,000 คน ยอดเงินสะพัดกว่า 1,900 ล้านบาท จัดมา 30 ครั้งแล้ว (จัดปีละ 3 ครั้ง กุมภาพันธ์ พฤษภาคม และตุลาคม) มีตั้งแต่ Operator มือถือ แบรนด์ชั้นนำต่าง ๆ Gadget ทุกอย่าง หรือแม้แต่ Play Station, EV Car, Drone ก็ยังมาออกงาน
.
งาน TME จัดที่ศูนย์ฯ สิริกิติ์ และรายได้เพิ่มเพราะขยายพื้นที่จากเดิมอยู่ Plenary Hall เป็นหลัก ก็มาเพิ่มโซนพลาซ่า โซน C ก็ได้ค่าเช่าพื้นที่มากขึ้น รวมไปถึงจัดงาน Samsung Galaxy 10K งานวิ่งชิงแชมป์ประเทศไทย ระยะทาง 10 กิโลเมตร ที่มีผู้เข้าร่วมงานเป็นหมื่นคน และยังรับจัดงาน Workshop กับงาน Dealer Party ให้ Samsung อีก
.
ต้องบอกว่า Samsung เป็นลูกค้าหลักของบริษัท มีสัดส่วนรายได้ 15% เลยทีเดียว แต่นอกจากนี้ก็ยังจัดงานใหญ่อื่น ๆ อีกเช่น จอมบึงมาราธอน วิ่งตะนาวศรีเทรล วิ่งเขาประทับช้าง ฯลฯ นอกจากรายได้ค่าสมัครวิ่งแล้ว ก็ยังได้ค่าสปอนเซอร์ ค่าออกบูธเพิ่มเติมอีก
.
ส่วนที่น่าสนใจคือ GPM ของงาน Event ที่มากพอสมควรและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ถ้าดู 3 ปีย้อนหลัง เพิ่มจาก 33.4% >> 48% >> 54.9% สาเหตุก็คงเป็นเพราะขยายพื้นที่ได้เพิ่ม แต่ต้นทุนไม่ได้เพิ่มตามมากเท่าไหร่ อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ใช้ร่วมกันได้ เอามาใช้ซ้ำได้หลายงาน
.
ในมุมของความเสี่ยง เห็นได้ค่อนข้างชัดคือ พึ่งพางาน Thailand Mobile Expo กับ Samsung มากเกินไป และก็มีงานคู่แข่งอย่าง COMMART, Power Buy Expo ที่จะมาแย่งส่วนแบ่งไป นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ MVP พยายามขยายขอบเขตของตัวเองออกไปจัดงานประเภทอื่น ๆ มากขึ้น โดยนิยาม positioning ตัวเองว่าเป็น Mobile Sport Tourism Expertise คือขยายขอบเขตรับจัดงานทั้งมือถือ กีฬา และท่องเที่ยว
.
นอกจากนี้ MVP มีรถคาราวาน หรือรถบ้านให้เช่า โดยมีจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย เพื่อรองรับการขยายตัวของการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวเชิงกีฬา โดยรถบ้านนั้นเคยให้บริการมาแล้วในงานใหญ่ ๆ เช่น งานก้าวคนละก้าว, งานจอมบึงมาราธอน, งานคอนเสิร์ตรายใหญ่ เช่น Big Mountain, Wonder Fruit เป็นต้น
.
4) eCommerce เติบโตตามมือถือ Samsung รุ่นใหม่
.
รายได้ 3 ปี ย้อนหลัง เพิ่มจาก 3 >> 37 >> 97 ล้านบาท ปี 2558 ที่ดูน้อยนิดเพราะว่าเพิ่งเริ่มทำตอนปลายปี ทำให้ปี 2559 เห็นผลเต็มปีบวกกับขาย Galaxy S7 ดี พอมาปี 2560 ขาย Galaxy S8 กับอุปกรณ์ IT และเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างอื่นของ Samsung เพิ่มเติม ทำให้ยอดขายดี และคาดว่ายอดขยปลายปี 2561 น่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากการวางจำหน่าย Galaxy Note 9 สินค้าเรือธงของ Samsung ที่จะเปิดตัวในวันที่ 9 สิงหาคมนี้
.
GPM 3 ปี คือ -132% >> 9.5% >> 17% กำไรขั้นต้นยังดูไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับสินค้าที่เอามาขาย และการได้รับค่าส่งเสริมการขายจาก Samsung แต่ข้อดีคือ eCommerce มีแนวโน้มการเติบโตที่ดี และฐานยังไม่สูงทำให้สามารถเติบโตได้อีกมาก แต่ข้อเสียก็มีคือการที่ขายเฉพาะแบรนด์ Samsung ทำให้ขาดความหลากหลาย และต้องประเมินเรื่องสต็อคให้ดีไม่งั้นจะกลายเป็นภาระหากสินค้าตกรุ่นได้
.
5) Media & Agency ดูนิ่ง ๆ แต่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก
.
รายได้ 3 ปี ย้อนหลัง เพิ่มจาก 21 >> 35 >> 35 ล้านบาท งานด้านนี้คือขายพื้นที่สื่อโฆษณา ทำ Content เพราะ website และ Facebook ของบริษัทมีผู้ติดตามกว่า 1 ล้านคน รวมทั้งพัฒนา Application ให้กับลูกค้าต่าง ๆ รวมทั้งดูแลเรื่องการตลาด การโฆษณาออนไลน์ให้ลูกค้า และได้รายได้ค่าโฆษณาที่ติดบนรถคาราวานเพิ่มเติมอีกด้วย
.
GPM 3 ปี ย้อนหลัง คือ 5.3% >> 24.9% >> 27.2% ก็ต้องบอกว่าบริหารจัดการได้ค่อนข้างดี ต้นทุนคือ ค่าดูแลระบบ ค่าทำ content ค่าทำวีดีโอ ค่าประชาสัมพันธ์ ต้องบอกว่ารายได้ส่วนนี้ บริษัทคงไม่ได้โฟกัสเท่าไหร่ และกำลังจะย้ายคอนเทนต์ในนิตยสาร WHATPHONE มาเป็นในรูปแบบออนไลน์แทน
.
6) โครงการในอนาคต
.
มาดูแนวโน้มปี 2561 กันก่อนว่ามีโปรเจ็คท์อะไรที่น่าสนใจบ้าง
.
• ขยายพื้นที่จัดงานเพิ่มในโซน C ชั้น 1 จาก 15,543 เป็น 20,233 ตารางเมตร เพิ่มมา 30% แต่ช้าก่อน รายได้อาจไม่ได้ +30% ตามทันที เพราะว่าเป็นโซนใหม่ก็ต้องมีค่าประชาสัมพันธ์และให้ส่วนลดบ้างตามสมควร
• เพิ่มรถคาราวานจากสิ้นปีก่อนที่มี 33 คัน เป็น 50 คัน ในสิ้นปีนี้ (โดยปีที่แล้ว รายได้ส่วนนี้ 4 ล้านบาท มาจากค่าบริการรถ และค่าโฆษณาที่หุ้มรถอย่างละ 2 ล้านบาท) ก็น่าสนใจถ้ามีงานมารองรับได้ตลอด และเนื่องจากรถบ้านใช้เครื่องปั่นไฟ ก็จะมีรายได้เพิ่มเติมในส่วนของการให้เช่าเครื่องปั่นไฟอีกด้วย
• มีแผนจัดงาน TME ที่ต่างจังหวัด อันนี้น่าสนใจ เพราะทุกวันนี้ การใช้ smart phone มากขึ้นเรื่อย ๆ ปีที่แล้วยอดขายมือถือ 30.5 ล้านเครื่อง เป็น smart phone 22.5 ล้านเครื่อง และยังเติบโตอยู่ โดยต่างจังหวัดก็มีการใช้ที่เยอะพอสมควร ถ้ามี Event ตามหัวเมืองใหญ่ ๆ ก็น่าจะเพิ่มรายได้ที่ดีเลย
• มีแพลนจะจัดงาน EV Expo เร็ว ๆ นี้ ตามเทรนด์รถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่เริ่มได้รับความนิยมในประเทศไทย หลังจากเคยทดลองจัดมาแล้วภายในงาน Thailand Mobile Expo ซึ่งมีผู้สนใจเป็นจำนวนมาก
.
..
แล้วถ้าเป็นปี 2562 เป็นต้นไปมีโครงการอะไรอีกบ้าง
.
• เนื่องจากการจัดงานที่เดิมอย่างศูนย์ฯ สิริกิติ์ บริษัทขายพื้นที่จนเต็มทุกส่วนแล้ว แม้แต่พื้นที่โฆษณาในห้องน้ำก็ขายจนหมด จึงจะย้ายไปจัดงานที่ Bitec บางนาแทน พื้นที่ขนาดใหญ่ รายได้จากการขายบูธก็จะเพิ่มขึ้น และ Bitec บางนานั้นสามารถเดินทางได้สะดวกจากรถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา และมีที่จอดรถขนาดใหญ่ รองรับผู้เข้าชมงานได้มากกว่าศูนย์ฯ สิริกิติ์
.
7) IPO เข้าตลาด MAI 70 ล้านหุ้น ราคา 1.90 บาท หักค่าใช้จ่ายแล้วได้เงินมา 119.35 ล้านบาท
.
• 30 ล้านบาท เอาไปซื้ออุปกรณ์เช่น ระบบโครงสร้างจัดบูธ ระบบไฟฟ้า จอ LED
• 10 ล้านบาท เอาไปพัฒนาระบบ eCommerce
• 10 ล้านบาท เป็นเงินทุนหมุนเวียน
• 69.35 ล้านบาท ชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน
.
8) EPS 0.12 บาท คิดเป็น P/E 15.83 เท่า
.
จำนวนหุ้นทั้งหมดจะเพิ่มเป็น 200 ล้านหุ้น ราคา 1.90 บาท EPS 4 ไตรมาสย้อนหลังจาก Q1’61 ย้อนกลับไป ได้ 0.12 บาท ถ้าเทียบกับหุ้นในตลาดที่ใกล้เคียงกันคือ
.
GPI ผู้จัดงาน Motor Show มี P/E 10.5 เท่า
ARIP ผู้จัดงาน COMMART มี P/E 107.8 เท่า
.
9) ภายหลัง IPO กลุ่มผู้บริหารเดิมก็ยังถือหุ้นอยู่ 65% โดยเฉพาะหัวเรือใหญ่กลุ่มคุณโอภาส เฉิดพันธุ์ CEO บริษัท ถือหุ้น 20.8% หรือ 41.6 ล้านหุ้น ที่เหลือก็กระจายไปกับผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทท่านอื่น
.
10) สัดส่วนหุ้นที่ไม่ติด Silent Period มี 20 ล้านหุ้น คิดเป็น 10% ของหุ้นทั้งหมดหลัง IPO
.