10 หลักการลงทุนปี 2019

สวัสดีปีใหม่ ปีหมูทอง ครับทุกคน วันนี้เขียนบทความแรกของปีด้วยหลักการลงทุนที่ตัวผมเองตั้งใจว่าจะยึดเป็นข้อปฏิบัติตลอดปีนี้ อยากเอามาแชร์เผื่อว่าจะเป็นประโยชน์และเอาไปปรับใช้กันครับ

1) ครอบครัวสำคัญกว่าทุกสิ่ง
.
เรื่องนี้ผมเคยพูดไปแล้ว และค่อนข้างให้ความสำคัญมาก คือ การที่เราประสบความสำเร็จในการลงทุน มีเงินทองมากมาย แต่ล้มเหลวทางครอบครัว เงินมากแค่ไหนก็คงไม่มีประโยชน์อะไร และมีคำแนะนำอันนึงจากพี่หมอ Ricky ที่ผมว่าจริงมาก คือ อย่ามัวแต่ดูแลลูกจนลืมดูแลภรรยา ให้จัดการเรื่องลงทุน สุขภาพ และครอบครัว ไปด้วยกัน ไม่ต้องเลือกว่าทำอะไรก่อนหลัง มากกว่าหรือน้อยกว่า
..
2) “ผลลัพธ์” จะดีได้ย่อมเกิดจาก “เหตุ” ที่ดี
.
เราชอบเอา “ผล” มาเป็นตัวตั้ง อยากได้ผลตอบแทนโตเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์ แต่จริง ๆ ต้องคิดใหม่ว่า ถ้าไม่มี “สาเหตุ” ที่ดี ที่ถูกต้อง ผลลัพธ์ที่ดีมันจะเกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นให้โฟกัสที่เหตุ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราว
.
อีกเรื่องที่เจอบ่อยคือ หลายคนชอบ “คาดหวังผลลัพธ์ใหม่จากการกระทำแบบเดิม” เช่น รู้ว่าซื้อหุ้นแบบนี้ ยังไงก็ขาดทุน แต่ก็ยังลงทุนรูปแบบเดิม ๆ แล้วก็หวังว่าผลลัพธ์จะเปลี่ยนไป ผมชอบบอกตัวเองเสมอว่า อย่าทำผิดเรื่องเดิม ๆ เกิน 3 ครั้ง เพราะนั่นแปลว่า เราไม่เรียนรู้ในความผิดพลาด
..
3) อย่าโลภเกินความรู้
.
แน่นอนว่าเราไม่ได้รู้ไปทุกเรื่องทุกอุตสาหกรรม บางกลุ่มเราไม่ถนัด เราก็ไม่จำเป็นต้องไปลงทุน หรือบางอย่างที่ดูซับซ้อนซ่อนเงื่อนเกินไป เราพยายามศึกษาแล้วก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ก็อาจถอยออกมาก่อน รอไว้เข้าใจมากกว่านี้ค่อยไปลงทุนก็คงไม่สายเกินไป ดีกว่าลงทุนเกินตัวแล้วเจ็บหนักกลับมาโทษใครก็คงไม่ได้
..
4) อดทนรอให้เป็น เพื่อรอโอกาสที่เป็นใจ
.
ไม่จำเป็นต้องดูตลาดทุกวัน หรือเทรดหุ้นทุกวัน เอาเวลาไปศึกษากิจการ หาความรู้ อ่านหนังสือดีกว่า แล้วถ้าวันไหนตลาดเป็นใจ ราคาหุ้นผันผวนผิดปกติ จนราคาลงมาถึงจุดที่เราประเมิน margin of safety ไว้ ค่อยเข้าไปลงทุน ถ้าไม่ลงมาก็หักห้ามใจ นั่งทับมือไว้ ให้ถือคติที่ว่า “ตกรถ ดีกว่า ติดดอยด้วยความสมัครใจ”
.
5) วางแผนให้รอบคอบในวันที่มีสติ เพื่อรับมือกับวันที่ขาดสติ
.
“สติ” เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม คือ การที่เรารู้ตัวอยู่ทุกขณะว่ากำลังทำอะไรอยู่ ก่อนจะซื้อหุ้นตัวไหน ต้องวางแผนให้รอบคอบว่า ทำไมถึงซื้อ จะซื้อราคาเท่าไหร่ มูลค่าเป็นเท่าไหร่ ราคาที่จะขายคือกี่บาท เรียกได้ว่ารู้ราคาขายตั้งแต่ก่อนที่จะซื้อเลยด้วยซ้ำ หรือถ้างบออกมาดีจะทำอย่างไร งบแย่จะขายมั้ย เราควรวางแผนไว้ล่วงหน้าก่อนเลย
.
บ่อยครั้งที่เรามักขาดสติในวันที่ตลาดตกหนัก ๆ และหุ้นเราตกลงตามไปด้วย ทั้ง ๆ ที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน แต่เรามักทนความกดดันไม่ไหว และขายทิ้งออกไป ก่อนที่มันจะเด้งกลับมาในวันถัดไป
.
6) อย่ามี Ego อย่า Over Confidence จงทำตัวให้เล็กอยู่เสมอ
.
การที่เราได้กำไรติดต่อกันหลายครั้งอาจทำให้เรามั่นใจว่าเราเก่ง เรามีฝีมือ นั่นทำให้เราเกิด Ego และนำมาซึ่งความประมาท ต้องพยายามทำตัวให้เล็ก อ่อนน้อมถ่อมตนเข้าไว้ คิดว่ายังมีคนเก่งกว่าเราอีกมาก หรือเราสามารถเรียนรู้จากทุกคนได้หมดไม่ว่าจะมือเก่าหรือมือใหม่ อย่าคิดว่าเราแน่ การลงทุนแต่ละครั้งต้องคิดให้รอบคอบ จะทำให้เราไม่ประมาท
..
7) ขยัน อดทน มีวินัย
.
คำสั้น ๆ แต่สำคัญมาก เพราะการลงทุนถ้าจะให้ประสบความสำเร็จมันไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากเกินความพยายาม แค่ขอให้เรามีวินัย ขยัน อดทน เรียนรู้ อ่านหนังสือ อ่านงบ ลองผิดลองถูกทำเข้าไปเรื่อย ๆ ทุกวัน ๆ ขาดทุนก็ไม่ท้อ รวมไปถึงถ้าวางแผนมาแล้ว หากเกิดเหตุการณ์จริงขึ้นมาก็ต้องมีวินัยทำตามนั้นให้ได้ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจใหญ่โตได้
.
8. อยู่กับความจริง ไม่ใช่ความหวัง
.
หลายครั้งเราชอบหลอกตัวเอง หุ้นที่เราซื้อดียังงั้นยังงี้ เลือกรับเฉพาะข้อมูลที่ดีหรือสิ่งที่เราอยากให้เป็น บางครั้งเราเห็นข่าวไม่ดี งบไม่ดี เราก็พยายามหาแง่มุมดี ๆ ให้เราถือหรือซื้อหุ้นเพิ่ม เพราะเราหลงรักหุ้นตัวนั้นเข้าไปแล้ว สิ่งที่ควรทำคือ อย่าหลอกตัวเอง อย่าหวังลม ๆ แล้ง ๆ ให้ดูโลกในความเป็นจริง หรือให้คิดว่าถ้าเราไม่มีหุ้นตัวนี้อยู่แล้วเราจะทำอย่างไร
..
9) ทุกอย่างเกิดขึ้นได้ในตลาดหุ้น
.
หุ้นที่ว่าชัวร์ วิเคราะห์มาอย่างดี ตัวนี้ไม่น่าแพ้ กำไรชัวร์ สุดท้ายราคาดันหล่นวูบ บางทีกำไรดีแต่ราคาลงก็มี บางทีงบไม่ดีขึ้นมาซะงั้น แต่มีคนรู้ก่อนเลยเทขายออกมา คือ เราต้องไม่ประมาท และอย่าแน่ใจอะไรมากจนเกินไป ทุกอย่างเกิดขึ้นได้เสมอ และอย่าไปโทษตลาด ให้คิดว่าถ้าตลาดเป็นแบบนี้ เราจะทำอย่างไรน่าจะดีกว่า
..
10) ทำทันที ไม่มีคำว่า เดี๋ยว
.
เรื่องลงทุน ออกกำลังกาย อ่านหนังสือ ตั้งเป้าหมายปีใหม่ เราทุกคนมีความอยากทำอยู่ในตัว แต่เรามักจะชอบรอโอกาส เช่น เดี๋ยวว่างค่อยทำ เดี๋ยวหยุดเสาร์อาทิตย์มีเวลาจะทำ สุดท้ายเราก็ไม่ได้ทำซักที เพราะฉะนั้นต้อเลิกพูดว่า “เดี๋ยวก่อน” ให้เราลงมือทำทันที ทุกอย่างไม่มีคำว่า “พร้อม” แต่เราจะเรียนรู้ระหว่างทางที่ทำจนสำเร็จไปเอง