
ซีรีส์ “ส่องหุ้น สู้วิกฤต” ตอนที่แล้วเราพาไปดูเรื่องความอยู่รอดของหุ้น 3 กลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤต คือ กลุ่มโรงแรม กลุ่มขนส่ง และกลุ่มร้านค้าที่ห้างปิด วันนี้เราจะมาคุยกันต่อในอีกประเด็น โดยการเอาเครื่องมือของ Jitta มาพิจารณาไปด้วยกัน ได้แก่
1️⃣ Jitta Score เป็นตัวบอกคุณภาพหุ้น โดยเอาข้อมูลการเงิน 10 ปีย้อนหลังมาคำนวณ และให้คะแนนตั้งแต่ 0-10 (ยิ่งมากยิ่งดี เกิน 5 ถือว่าดี) ข้อมูลที่ใช้คำนวณก็มีตั้งแต่รายได้ กำไร ปันผล อัตราส่วนการเงิน เป็นต้น
.
2⃣ Jitta Line เป็นตัวบอกราคาที่เหมาะสม ยิ่งราคา Under Jitta Line ถือว่าดี คำนวณด้วยหลักการที่ว่า “หากซื้อทั้งบริษัทต้องใช้เงินเท่าไหร่ถึงจะคืนทุนใน 10 ปี และหลังจากนั้นก็จะเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสดต่อไปเรื่อยๆ”
.
3⃣ Jitta Factors แสดงผลการวิเคราะห์ปัจจัยสําคัญของธุรกิจใน 5 มิติด้วยกัน โดยนําเฉพาะตัวเลขจากงบการเงินต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยนั้นๆ มาทําการวิเคราะห์ แล้วให้เป็นคะแนนตั้งแต่ 0-100 คะแนนยิ่งสูงหมายถึงคุณภาพที่ดี
..
💎 Growth Opportunity แสดงให้เห็นการเติบโตของบริษัทว่าอยู่ในช่วงไหน มีโอกาสเติบโตได้อีกหรืออิ่มตัวแล้ว ดูการเติบโตของรายได้ กำไรสุทธิ EBITDA และ EPS เป็นต้น
·
💎 Recent Business Performance แสดงให้เห็นว่าผลการดําเนินงานของธุรกิจใน 4 ไตรมาสหลังสุดเป็นอย่างไร เป็นการบอกแนวโน้มว่าช่วงล่าสุดมีผลงานที่ดี
·
💎 Financial Strength แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งในฐานะการเงินของบริษัท คิดมาจากค่าหลักๆ ในหมวดของงบดุลและกระแสเงินสด เช่น Current Ratio, Cash Cycle เป็นต้น
·
💎 Return to Shareholders แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีการส่งมอบความมั่งคั่งกลับคืนให้กับผู้ถือหุ้นได้ดีมากน้อยแค่ไหน ดูทั้ง P/E, PEG, Dividend Yield, ROE เป็นต้น
·
💎 Competitive Advantage แสดงให้เห็นว่าบริษัทมีความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจมากน้อยแค่ไหน ดูข้อมูลที่เกี่ยวกับการบริหารธุรกิจทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นรายได้ กำไร กระแสเงินสด การควบคุมต้นทุน ผ่านอัตราส่วนอย่างเช่น ROA, ROIC เป็นต้น
.
4⃣ Jitta Signs บอกจุดเด่นและจุดด้อยของบริษัทจากงบการเงิน เอาไว้ดูแบบรวดเร็ว โดยแสดงเป็นสีเขียว สีแดง มีคำอธิบายสั้นๆ และพอคลิกบน Signs ก็จะมีตัวเลขงบแบบย่อๆ ปรากฏอยู่
..
========================
.
#กลุ่มโรงแรม
..
ผมจะคัดหุ้นที่น่าสนใจที่มี Jitta Score สูง ราคา Under Jitta Line และมี Jitta Factors ที่โดดเด่นมาเล่าให้ฟังกันนะครับ ซึ่งนั่นก็คือ หุ้น MINT, CENTEL และ ERW
.
#MINT
.
คือ หุ้นที่ดูมีคุณภาพดีที่สุดในกลุ่มด้วย Jitta Score 5.48 และราคายัง Under Jitta Line อยู่ถึง 30%
..
🔸 Jittta Factors ที่โดดเด่น จะมี 2 ตัว คือ Recent Business Performance และ Growth Opportunity เพราะว่าผลงานปีล่าสุดโดดเด่น รายได้ +59% และกำไรสุทธิ +96% แต่ที่เห็นว่าโตเยอะเพราะว่าเป็นการรวมงบของ NH Hotel ที่ไปซื้อเข้ามาด้วย
..
ในทางตรงกันข้าม เราก็จะพบว่าหนี้สินระยะยาวและการลงทุนของ MINT สูงมาก และอัตรากำไรก็มีแนวโน้มลดลง
·
🔸 D/E 2.23 เท่า หนี้สินระยะยาวมี 132,000 ล้านบาท (เกือบ 80% ของหนี้สินรวม)
.
🔸 GPM 45.2% (ลดลงจาก 56.3%) แต่ NPM 8.2% (เพิ่มจาก 6.8%)
..
=====================
.
#CENTEL
.
เป็นหุ้นอีกตัวที่ได้ Jitta Score 5.1 และราคายังอยู่ต่ำกว่า Jitta Line 20%
.
🔸 Jitta Factors ที่โดดเด่นมาเลย คือ Financial Strength เพราะว่า D/E ไม่สูง 0.98 เท่า และมีหนี้สินระยะยาวค่อนข้างต่ำ รวมทั้งยังจ่ายปันผลได้ทุกปีที่ระดับประมาณ 2.5% เรียกได้ว่า บริษัทมีพื้นฐานมั่นคง ไม่ล้มง่าย หนี้น้อย
.
🔸 แต่ถ้ามองในอีกมุมหนึ่งคือ การเติบโต ก็ต้องบอกว่า ดูไม่ดีนัก ทั้งรายได้ที่ -3% และกำไรสุทธิ -20% โดยลดลงมาจากทั้งกลุ่มของโรงแรมและร้านอาหาร ที่มีทั้งผลกระทบของนักท่องเที่ยว การปิดปรับปรุงโรงแรม และยอดขายต่อร้านเดิมของร้านอาหารที่ลดลง (ได้การขยายร้านมาช่วยแต่ไม่พอ)
.
🔸 พอเรามาดูอัตราส่วนงบการเงิน เลยปรับลดกันหมด เช่น ROE 13.1% (ลดลงจาก 17.8%) ROA 8.5% (ลดลงจาก 11.3%) GPM 40.9% (ลดลงจาก 41.8%) และ NPM 8.2% (ลดลงจาก 10%)
.
================
.
#ERW
.
ได้ Jitta Score 4.74 (ตามมาตรฐานของ Jitta ถือว่ายังไม่เข้าเกณฑ์ลงทุนได้ เพราะคะแนนต่ำกว่า 5) และราคายังอยู่ต่ำกว่า Jitta Line ถึง 60%
ซึ่งพอมาดู Jitta Factors ต่างๆ อาจไม่ค่อยดีมากนัก ยกเว้นปันผลที่จ่ายสม่ำเสมอ 1.5-2% Yield สาเหตุก็มาจากทั้ง
.
🔸 รายได้ไม่ค่อยโต +2% กำไรหดตัว -17% เพราะว่าโรงแรมหลักที่อยู่ในกลุ่ม Luxury ผลงานไม่ค่อยดี มีแค่ Hop Inn ที่โต แต่ว่าสัดส่วนรายได้และกำไรไม่ได้ใหญ่มากที่จะมาชดเชยได้ทั้งกลุ่ม
.
🔸 D/E 2.06 เท่า ค่อนข้างสูง และหนี้ระยะยาว ประมาณ 8,500 ล้านบาท (72% ของหนี้สินรวม)
…
ต้องสรุปแบบนี้ว่า ในช่วงสั้นเราอาจเห็นการฟื้นตัวของราคาหุ้นโรงแรมที่ราคาลงไปเยอะมาก แต่ถามว่าจะกลับไปเติบโตได้มากแค่ไหน คงต้องมาดูกันถึงเรื่อง COVID-19 ว่าจะจบเมื่อไหร่ แล้วนักท่องเที่ยวจะเริ่มกลับมากันตอนไหนกัน
.
รวมทั้งการกลับมาเปิดโรงแรมในช่วงแรกเชื่อว่าต้องมีการทำโปรโมชั่นกันหนักเพื่อดึงลูกค้าให้กลับมาก่อน (แปลว่ารายได้ค่าห้องเฉลี่ยจะลด) ให้ได้ Occupancy ที่ถึงจุดคุ้มทุน ทำให้รายได้และกำไรอาจจะไม่ได้กลับมาแบบก้าวกระโดดทันที
..
ตอนหน้า เราจะมาคุยกันต่อกับหุ้นกลุ่มขนส่ง กับกลุ่มร้านค้าที่ห้างปิดกันนะครับ โปรดติดตาม
..
#ส่องหุ้นสู้วิกฤต #Jitta #วิตามินหุ้น
Source: S&P Global Market Intelligence เรียบเรียงโดย Jitta