แก้ว 3 ประการ ของการลงทุน

สภาพตลาดช่วงนี้ยังคงดูไม่ดีอย่างต่อเนื่อง วันนี้ลงไปอีก 21 จุด ไม่ว่าจะหุ้นใหญ่หรือหุ้นเล็กก็ลงกันถ้วนหน้า
.
ผมกลับมานั่งทบทวนหลักการลงทุนของ ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เรื่อง “แก้ว 3 ประการ”

** แก้วประการที่ 1 … เงินลงทุน **
.
คือ เม็ดเงินตั้งต้น ไม่ว่ามันจะมาจากการทำงาน เงินออม มรดก สิ่งนี้เป็นสิ่งแรกที่จำเป็นในการเข้ามาลงทุน ยิ่งมีเยอะในตอนต้นจะยิ่งดี แต่ต้องทำให้งอกเงยด้วย มิฉะนั้น ยิ่งมีเยอะก็ยิ่งเสียเยอะได้เช่นกัน
.
** แก้วประการที่ 2 … ผลตอบแทน **
.
เป็นเรื่องของฝีมือในการลงทุน เราสามารถสร้างขึ้นได้เอง ด้วยการศึกษาหาความรู้ และทดลองปฏิบัติจริงในตลาดหุ้น ซึ่งมันมีทั้งเรื่องของหลักเหตุและผล อารมณ์ รัก โลภ โกรธ หลง ความเชื่อและความหวัง
.
คำถามคือ ผลตอบแทนควรมากแค่ไหน ?
คำตอบคือ แล้วแต่ความพอใจของแต่ละคน ให้คิดง่าย ๆ แบบนี้ว่า
.
ถ้าเราทำผลตอบแทนได้ปีละ 15% ทุก 10 ปี เงินต้นจะคูณ 4 แปลว่า เงิน 1 ล้าน จะกลายเป็น 4 ล้าน
.
ถ้าเราทำผลตอบแทนได้ปีละ 26% ทุก 10 ปี ชีวิตจะเปลี่ยนหลัก เงินต้นจะมี 0 ต่อท้ายมาอีกตัว แปลว่า เงิน 1 ล้าน จะกลายเป็น 10 ล้าน
..
แต่ในมุมกลับกัน ถ้าผลตอบแทนติดลบ เงินต้นก็หาร 4 หรือ เปลี่ยนหลักถอยลงได้เช่นกัน
.
** แก้วประการที่ 3 … ระยะเวลา **
.
ข้อนี้เป็นเรื่อง พลังของดอกเบี้ยทบต้น ที่เมื่อเราสะสมผลลัพธ์ที่ดีไปเรื่อย ๆ ผลตอบแทนจะโตขึ้นแบบรวดเร็วในปีหลัง ๆ ยิ่งนาน ยิ่งเติบโต เพราะฉะนั้น หลักการก็คือ ถ้าเรายังอายุน้อย เราก็ควรเริ่มลงทุนให้เร็ว จะได้มีเวลาเก็บเกี่ยวได้นาน ถ้าเราอายุมาก เราก็ต้องรักษาสุขภาพให้ดี เพื่อที่จะได้อยู่นาน ๆ รอเห็นผลลัพธ์ก่อน
..
แน่นอนว่า ทุกคนอยากให้แก้วทั้ง 3 ประการส่องสว่างเต็มที่ เพราะนั่นย่อมหมายถึง ความมั่งคั่งที่เต็มร้อย
.
แต่ในโลกของความเป็นจริง แก้วแต่ละใบของเราเล็กใหญ่ไม่เท่ากัน ,
.
แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่า ถ้าคุณอายุมาก เวลาเหลือน้อย เราพอมีเงินเก็บอยู่ก้อนนึง ทุ่มสุดตัว เสี่ยงสูงสุด จะได้รวยโดยเร็ว เพราะบางทีเราอาจเจ๊งหมดตัวไปซะก่อนก็ได้
.
หรือถ้าเราอายุน้อย ก็เที่ยวเยอะ ๆ เดี๋ยวแก่แล้วไม่มีแรงเที่ยว ไม่เก็บเงิน ลงทุนก็แบบขำ ๆ ไม่ศึกษาหาความรู้ เพราะคิดว่าเวลาเหลืออีกนาน แบบนี้สุดท้าย เงินอาจจะหมดก่อนแก่ก็เป็นได้
.
เพราะฉะนั้น วิธีที่ผมอยากแนะนำคือ ปรับแสงของแก้วทุกใบให้ส่องสว่างอยู่ตลอดเวลา หาเงินมาได้ ก็ใส่เพิ่มไปเรื่อย ๆ ผลตอบแทนก็หาวิธีการที่ทำให้งอกเงย ไม่ต้องได้หุ้นเป็นเด้งทุกปีก็ได้ บางปีบวกบางปีลบ แต่ยาว ๆ แล้วโตก็โอเคแล้ว และก็รักษาสุขภาพทั้งกายและใจให้อยู่ได้นาน ๆ
.
..
=====================
.
พอพูดถึงแก้ว 3 ประการแล้ว ทำให้ผมนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนไปพูดในงานของ Jitta Wealth ที่ Set in the City เค้าก็เอาหลักการนี้มาประยุกต์ใช้เหมือนกัน เดี๋ยวลองช่วยกันคิดตามนะว่าเวิร์คมั้ย เค้าทำแบบนี้
.
• เงินต้น ทุก 1 ล้านบาทให้ 10% คือ ให้ฟรี ๆ แสนนึง โดยทยอยโอนเข้าบัญชีกองทุนของลูกค้าเป็นงวด ๆ แต่จำกัดการลงทุนไว้ที่ 10 ล้านบาท แปลว่าเราจะได้เต็มที่ 1 ล้านบาท ฟรี คิดง่าย ๆ ก็เหมือนเรากำไรตั้งแต่เริ่ม 10% ฟรี ๆ และกันเราเอาเงินไปใช้กินใช้เที่ยว ด้วยการแบ่งจ่าย
.
• ผลตอบแทน เน้นชนะตลาดได้ในระยะยาว Jitta ทำ back test ตั้งแต่ปี 2009-2018 (หลัง subprime) ได้ผลตอบแทนเฉลี่ยทบต้น 25% ต่อปีขณะที่ SET TRI ได้ 18%
.
• ระยะเวลา ยิ่งลงทุนนาน ยิ่งรับเงินเพิ่ม และพลังของดอกเบี้ยทบต้นจะทำให้พอร์ตโต คือ ในช่วง 10 ปี ที่ทำ back test ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ปี เป็นลบ 2 ปี คือ ไม่ได้เก่งทุกปี แต่ชนะมากกว่าแพ้ สุดท้ายผลตอบแทนเลยดี
.
ผมมักจะบอกกับหลายคนที่ลงทุน Jitta เสมอว่า โมเดลเค้าถอดรหัสมาจาก Warren Buffett เน้นการลงทุนระยะยาว ช่วงนี้ตลาดไม่ดี ผลตอบแทนติดลบได้ แต่ถ้าให้เวลานานพอในระยะยาว มีโอกาสกลับมากำไรได้อย่างยั่งยืน

โดยหลักการคือ การลงทุนในบริษัทที่ดี ราคาที่เหมาะสม โดยใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยวิเคราะห์บริษัทที่เข้าสเป็คแบบนี้ และที่สำคัญคุณต้องเข้าใจว่า ไม่ใช่วิธีการที่ “รวยง่าย” หรือ “รวยเร็ว” แต่น่าจะเป็นการรวยแบบยั่งยืนด้วยวิธีการแบบ WealthTech
.
สำหรับใครที่สนใจรายละเอียดของ Jitta Wealth และโปรโมชั่น รับเงินเพิ่มทุน 10% สามารถกดเข้าไปดูกันต่อได้ที่นี่ครับ
.
https://jittawealth.co/t/gmj2
..
#แก้วสามประการ #วิตามินหุ้น