รีวิวพอร์ต Jitta Global ETF รอบ 3 เดือน

ผ่านมาแล้ว 3 เดือน กับการลงทุนใน Jitta Wealth Global ETF วันนี้จะมารีวิวผลตอบแทนกันครับทุกคน

เท้าความกันก่อน คือ เมื่อต้นเดือนกันยายน ผมไปเปิดพอร์ตลงทุนต่างประเทศกับ Jitta Wealth ด้วยเงิน 100,000 บาท โดยเลือกการลงทุนแบบ Global ETF ในแผนเติบโต รายละเอียดเต็มๆ ดูได้ทางนี้ครับ https://bit.ly/Jitta_Global_ETF

 

ขอเล่าผลลัพธ์ก่อน แล้วเดี๋ยวจะรีวิวให้ฟังว่าในพอร์ตลงทุน ETF ประเภทไหน อย่างไรบ้าง

  • เดือนแรก ขาดทุน -1.7%
  • เดือนที่สอง กลับมาเท่าทุนพอดี
  • เดือนที่สาม กำไร +1.94%

ถือว่าผลตอบแทนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเป็นลำดับจากติดลบ กลับมาเท่าทุน และเป็นบวกได้เกือบ 2% ถึงแม้ว่าจะยังมีสถานการณ์ของ COVID สายพันธุ์ OMICRON ที่ยังไม่ชัดเจนกดดันอยู่ก็ตาม

  • S&P500 +4.19%
  • Dow Jones +2.08%
  • MSCI World Index +2.01%
  • SET -0.66%

จะเห็นได้ว่า Jitta Wealth Global ETF มีผลงานใกล้เคียงกับดัชนีตลาดหลักของโลก และยังทำผลงานได้ดีกว่า SET บ้านเราที่ติดลบนิดหน่อย

 

ทีนี้เพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นเรามาดูกันในรายละเอียดครับว่า Global ETF จัดสรรการลงทุนไปที่ไหนบ้าง ก็จะได้สัดส่วนการลงทุนแบ่งเป็น หุ้น 80% พันธบัตร/หุ้นกู้ 18% และเงินสด 2% ตามภาพด้านล่างนี้เลย

55.26% ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ผ่าน Vanguard Total Stock Market ETF หรือ VTI

มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากถึง 1.3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยกระจายการลงทุนในหุ้นทั้งหมด 4,124 บริษัท แต่ประมาณ 25% ลงทุนกับ 10 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก อาทิเช่น Microsoft, Apple, Alphabet, Amazon เป็นต้น

 

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ ใน 3 เดือนล่าสุด มีการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้น UnitedHealth Group มากขึ้น เพราะมีขนาด Market Cap ที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงหลังด้วย และเป็นการกระจายน้ำหนักไม่ได้โฟกัสไปที่กลุ่มเทคโนโลยีอย่างเดียว

สำหรับใครที่สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VTI เข้าไปดูได้ตามนี้เลยครับ

https://investor.vanguard.com/etf/profile/VTI

 

16.98% ลงทุนในประเทศพัฒนาแล้ว ผ่าน Vanguard FTSE Developed Markets หรือ VEA

มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากถึง 163,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยกระจายการลงทุนในหุ้นทั้งหมด 4,090 บริษัท โดย 10 อันดับแรกของบริษัทที่ลงทุน คิดเป็นสัดส่วน 10% และมีความหลากหลายของอุตสาหกรรมทั้งอาหาร เครื่องดื่ม แฟชั่น ยา โทรคมนาคม เช่น  Nestle, Samsung, LVMH, AstraZeneca เป็นต้น

 

ประเด็นที่น่าสนใจ คล้ายๆ กับ VTI คือ ใน 3 เดือนล่าสุด มีเม็ดเงินลงทุนในบริษัทด้านสุขภาพมากขึ้น เช่น AstraZeneca, Novartis, Novo Nordic

สำหรับใครที่สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VEA เข้าไปดูได้ตามนี้เลยครับ

https://investor.vanguard.com/etf/profile/VEA

 

8.27% ลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่ ผ่าน Vanguard FTSE Emerging Markets ETF หรือ VWO

มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากถึง 110,900 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยกระจายการลงทุนในหุ้นทั้งหมด 5,250 บริษัท โดย 10 อันดับแรกของบริษัทที่ลงทุน คิดเป็นสัดส่วน 21% กระจายการลงทุนทั้งที่จีน ไต้หวัน อินเดีย รัสเซีย และอีกหลายประเทศ ในบริษัทที่เราได้ยินชื่อกันบ่อยๆ เช่น TSMC, Tencent, Alibaba, Infosys เป็นต้น

สำหรับใครที่สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ VWO เข้าไปดูได้ตามนี้เลยครับ

https://investor.vanguard.com/etf/profile/VWO

 

17.64% ลงทุนในพันธบัตรและหุ้นกู้ ผ่าน iShares iBoxx $ Investment Grade Corporate Bond ETF หรือ LQD

มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิมากถึง 37,774 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยกระจายการลงทุนในหุ้นทั้งหมด 2,458 บริษัท โดย 10 อันดับแรกของบริษัทที่ลงทุน คิดเป็นสัดส่วน 22% ในบริษัทชั้นนำระดับโลก ทีดูแล้วมั่นคง เช่น JPMorgan, Bank of America, Citi Group, Goldman Sachs เป็นต้น

สำหรับใครที่สนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ LQD เข้าไปดูได้ตามนี้เลยครับ

https://www.ishares.com/us/products/239566/ishares-iboxx-investment-grade-corporate-bond-etf

 

ผลตอบแทน 3 เดือนล่าสุด

เหตุผลที่ทำให้ Global ETF เป็นบวกได้อยู่ เพราะว่า VTI หรือ ETF ที่ลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ เติบโต 3.26% และสัดส่วนของ ETF มีมากกว่าครึ่งหนึ่งของพอร์ต

 

ขณะที่ VEA -2.76% และ VWO -4.18% เพราะตลาดทางฝั่งยุโรปยังไม่ได้ฟื้นแรงมาก กับตลาดจีนที่ไม่ดีเพราะมีกฎระเบียบและนโยบายภาครัฐเข้ามาคุมเข้มอย่างต่อเนื่อง และ LQD ที่แสดงถึงผลตอบแทนทางพันธบัตร/หุ้นกู้ก็ลดลงมาที่ -1.55%

 

โดยสรุป ผมคิดว่า Jitta Global ETF ถึงแม้จะยังบวกไม่มาก แต่ก็ต้องบอกว่าในภาวะที่ตลาดไม่ง่าย และยังเจอแรงกดดันจาก COVID สายพันธุ์ OMICRON ก็ต้องถือว่าประคองตัวได้ดี และเก่งกว่าหลายๆ ดัชนีสำคัญของโลก ซึ่งสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นอย่างชัดเจนก็คือ การกระจายความเสี่ยงไปยังหลายสินทรัพย์ช่วยดูแลพอร์ตเราได้เป็นอย่างดีในสถานการณ์ที่ลำบาก เดี๋ยวไว้อีก 3 เดือนมาติดตามกันต่อครับว่าผลงานจะเป็นอย่างไรต่อไป

 

ใครสนใจศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Global ETF ทางนี้ครับ https://jittawealth.com/global-etf

ส่วนใครสนใจเปิดพอร์ตกับ Jitta Wealth เชิญด้านนี้เลย https://link.jittawealth.co/qlffl37t7f

 

#Jitta #GlobalETF #วิตามินหุ้น