
SET Index ปรับตัวลง 100 กว่าจุด จาก 1700 ลงไปต่ำกว่า 1600 จุด โดยใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วอีกไม่นานนักก็กลับมาที่ 1670
.
ตลาดช่างดูผันผวนยิ่งนัก หลายคนเป็นกังวลว่าอาจจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นสงครามการค้า ไม่ว่าจะเป็น Inverted Yield Curve หรือ Brexit ทำให้หลายคนขายหุ้นขาดทุน หลายคนถัวหุ้น หลายคนล้างพอร์ตไปเลยก็มี
เหตุการณ์ตลาดหุ้นผันผวนไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น แต่มันจะวนเวียนขึ้นลงแบบนี้อยู่ตลอด แล้วนักลงทุนอย่างเราควรรับมืออย่างไรดีถ้าเจอเรื่องแบบนี้
..
1. ตั้งสติ อย่าวู่วามรีบขายหรือซื้อหุ้น
.
เวลาหุ้นตกหนัก จะเจอคนอยู่ 3 ประเภท
.
• แบบแรก คือ มีหุ้นเต็มพอร์ต จะเกิดความกลัว รีบเทขายหุ้นออกไป เพราะกลัวว่าจะขาดทุนมากกว่าเดิม
• แบบที่สอง กลุ่มที่รอซื้อหุ้นเพราะคิดว่ามันจะเด้งกลับ
• แบบที่สาม รอซื้อหรือขายหุ้น แต่เพราะศึกษามาดีแล้วว่า นี่เป็นโอกาสได้ซื้อหุ้นดีราคาถูก หรือเป็นวิกฤตที่หุ้นเราได้รับผลกระทบทางพื้นฐาน เราก็ควรขายหุ้นออกไป
ทุกครั้งที่หุ้นตกหนัก ลองตั้งสติ พิจารณาว่า เราอยู่ในกลุ่มไหนนะครับ เราควรจะอยู่ในแบบที่สาม เอาให้ชัวร์ก่อนตัดสินใจซื้อหรือขายหุ้น
.
2. พิจารณาหาสาเหตุว่าทำไมหุ้นตก
.
เราต้องเข้าใจที่มาที่ไปและผลลัพธ์ที่ตามมา เช่น หุ้นตก เพราะ Trade War แต่ถ้าหุ้นที่เรามี ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับเรื่องนี้ ก็อาจเป็นโอกาสในการซื้อ หรือหุ้นตกเพราะ Inverted Yield Curve เราก็ต้องเข้าใจถึงผลลัพธ์ที่เกิดในอดีตว่า หลังจากสัญญาณนี้เกิดขึ้นเช่นในปี 2005 กว่าจะเกิดวิกฤตจริงคือ ปี 2008
.
3. SET ร่วง หุ้นเราโดนหางเลขไปด้วย
.
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้และบ่อยครั้งด้วย เพราะเราไม่ได้ถือหุ้นนั้นคนเดียว คนอื่น ๆ มีความคิดไม่เหมือนกัน มีแผนไม่เหมือนกัน บางคนเก็งกำไรระยะสั้นเห็นท่าไม่ดีก็ขายก่อน บางคนเห็นงบไม่ดีก็ปรับพอร์ต ผมแนะนำแบบนี้ครับ
.
• หุ้นที่เราไม่มั่นใจในผลประกอบการที่จะออกมาใน 1 ปีนี้ เราไม่รู้จักธุรกิจดีพอ ก็ควรขายออกไป
• หุ้นที่เราพิจารณาถี่ถ้วนแล้วคิดว่างบยังไงก็ดี ถ้าทุนเราสูง อาจล็อคกำไรส่วนนึง แล้วรอมันลง ค่อยซื้อกลับ แต่ถ้าทุนเราต่ำ ก็อาจไม่ต้องทำอะไร อาจจะซื้อเพิ่มถ้าราคาลงแรง
• หุ้นที่งบแย่แน่ ๆ หุ้นซิ่งด้วย ขายอย่างเดียว ห้ามต่อรอง เราพลาดแล้ว
..
4. ถือเงินสดไว้บ้าง เพราะตลาดผันผวน เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลง
.
การมีเงินสด เก็บไว้รอโอกาส เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในยามตลาดหุ้นผันผวน เพราะถ้าหุ้นที่เราสนใจตกลงมาเยอะ ก็จะเป็นโอกาสของคนที่ถือเงินสดในการเลือกช็อปหุ้นที่ต้องการ แล้วในกรณีที่เราไม่มีเงินสด มีแต่หุ้นอยู่เต็มพอร์ต เราก็จำเป็นต้องพิจารณาปรับพอร์ต ขายหุ้นที่โดนผลกระทบ หรือหุ้นที่ให้ผลตอบแทนน้อยที่สุด แล้วมาซื้อหุ้นตัวใหม่ที่คิดว่าน่าจะดีกว่า
..
5. อย่าดูจอบ่อย จะได้ไม่เครียด
.
ความผิดพลาดหลายครั้งเพราะเราดูจอบ่อยเกินไป เห็นหุ้นขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วเกิดความกลัวว่ามันจะลงไปต่อ เราเลยรีบขายทิ้ง แต่พอจบวัน ราคามันดันกลับมาที่เดิม เราก็เจ็บใจว่าถ้าไม่ทำอะไรน่าจะดีกว่านี้ เรื่องนี้แก้ได้ด้วยการวางแผนว่าเราจะซื้อหรือขายเมื่อไหร่ ราคาเท่าไหร่ ตรงไหนคือจุดทำกำไรหรือตัดขาดทุน แล้วเราก็ทำตามแผนไป แน่นอนว่าเราจะไม่ได้กำไรมากที่สุดเวลาหุ้นขึ้น แต่เราก็จะไม่ขาดทุนมากที่สุดเวลาหุ้นลงเช่นกัน
..
โดยสรุป เมื่อยามที่หุ้นตกหนัก จิตใจเราต้องไม่ตกตาม ตั้งสติ พิจารณาให้รอบคอบถึงสาเหตุและผลลัพธ์ของเหตุการณ์ วางแผนให้ดีถึงหุ้นที่เรามีหรือสนใจว่าจะซื้อหรือขายอย่างไร ปรับพอร์ตให้เหมาะสม และที่สำคัญอย่าเปิดจอบ่อย ออกไปใช้เงิน (แม้จะน้อยนิด) กันบ้างก็จะสุขใจมากกว่าครับ
.
#ตลาดหุ้นผันผวน #Finspace #วิตามินหุ้น