บทสรุปปี 2018

ปีนี้เป็นปีที่ได้เรียนรู้และผ่านอะไรมากมายหลายอย่าง เข้าใจเรื่องราวของชีวิตมากขึ้น อาจจะไม่ถึงขั้นตกผลึกทางความคิด แต่ได้ดึง “สติ” ของตัวเองกลับมา และมองเห็นสิ่งที่ทำดีและไม่ดีของตัวเองในหลาย ๆ ด้าน ทั้งการลงทุน สุขภาพ และที่สำคัญที่สุดคือ ครอบครัว เลยอยากเขียนบันทึกนี้ไว้จดจำ แบ่งปันและเตือนสติตนเองอีกครั้ง

** การลงทุน **
.
1) แพ้น้อย แต่แพ้เยอะ พอร์ตก็พังได้
..
ปีนี้ทำกำไรหุ้นได้เป็นสิบตัว แพ้แค่ 5 ตัว พูดแบบนี้ พอร์ตน่าจะดี เปล่าเลย พังครับ เพราะว่าหุ้นที่แพ้เราลงเงินเยอะ แต่หุ้นที่เราชนะเราดันลงน้อยกว่า พูดง่าย ๆ คือ มีปัญหาเรื่อง Money Management จัดสรรพอร์ตการลงทุนไม่ดีพอ
.
ทำให้นึกถึงคำพูดของจอร์จ โซรอส ที่บอกว่า “ไม่สำคัญว่าคุณจะผิดหรือถูกกี่ครั้ง แต่สำคัญว่าเวลาถูก คุณต้องกำไรให้มากกว่าที่คุณผิด” ปีหน้าเราต้องแก้เรื่องนี้ให้ได้
..
2) “โลภ” เกินความรู้
.
ผมได้ยินคนพูดคำนี้จากเซียน 3 คน คือ คุณฮง คุณกิจพณ และพี่เอก ธำรง ฟังมาหลายที แต่เพิ่งจะมาเข้าใจลึกซึ้งก็เมื่อเจอกับตัว เพราะไปเล่นหุ้นที่เราไม่ถนัดอย่าง commodity หรือ หุ้นปั่น เราคิดว่าเราศึกษามาดีแล้ว เรารู้ลึกรู้รอบแล้ว แต่จริง ๆ เราไม่ได้รู้ดีขนาดนั้น ความรู้เรารู้แค่ระดับเด็กประถมแต่ริอาจไปแข่งกับอาจารย์มหาวิทยาลัย เราดันไปโลภ ไปหวังจะทำเงินจากคนเหล่านี้ได้
.
ซึ่งจริง ๆ ผลลัพธ์ก็พิสูจน์แล้วว่า เราสู้ไม่ได้ ในทางตรงกันข้ามถ้าเป็นหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ค้าปลีก FMCG กลุ่มนี้เราไม่เคยแพ้ เราถนัดและรู้จริง เพราะเราอยู่ในวงการ พยายามบอกตัวเองว่า ปีหน้าเราจะมีสติและไม่โลภ
..
3) เราแค่ไม่รู้ ไม่ใช่ว่ามันไม่มีอะไร
.
หุ้นทุกตัวที่ลงทุน งบดีทุกตัว แต่ละตัวกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 30% บางตัวกำไรโตเท่าตัว แต่ราคาหุ้นไม่ไปไหน หรือบางทีขึ้นได้นิดเดียวแล้วร่วงแรงเลย เราพยายามหาข้อมูลก็ไม่เห็นว่ามีอะไรผิดปกติ แต่ราคาก็ยังลงต่อไปอีก บางตัวขายทันก็ยังกำไร บางตัวดื้อเกินก็ขาดทุนไป ผ่านไปไม่นาน พองบออก บางตัวกำไรยังโต แค่ลดลงมาไม่เท่าที่ตลาดคาดการณ์ บางตัวมีเหตุการณ์ร้ายไม่คาดฝัน ต้องตั้งสำรองอะไรแบบนี้ หุ้นก็เลยโดนเท
.
ทำให้เราเรียนรู้ว่า บางครั้งสิ่งที่เราไม่รู้ หรือหาข่าวไม่เจอ ไม่ใช่ว่ามันไม่มีอะไร เพียงแต่เราแค่ไม่รู้ แต่มีบางคนรู้ก่อนเรานะ ซึ่งมันเป็นเรื่องไม่แฟร์ที่ธรรมดามากในตลาดหุ้นที่เราทำอะไรไม่ได้ แต่สิ่งที่ทำได้คือ เราจะ action อย่างไรกับหุ้นในพอร์ตเรามากกว่า มันไม่มีประโยชน์ที่จะไปโวยวายอะไร
.
อีกเรื่องที่เรียนรู้ คือ เราคิดว่ากราฟช่วยได้ในวันที่พื้นฐานมันไม่บอกอะไร แต่กราฟมันสั่งให้เราต้องคัท ปีหน้าเราคิดว่า เราจะเอากราฟมาช่วยประกอบการตัดสินใจเพิ่มให้คมขึ้น
..
4) กัลยาณมิตร ช่วยเราได้
.
ปีนี้เป็นอีกปีที่ได้รู้จักคนเยอะมาก ๆ ได้มีโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยน ได้มีโอกาสสอนการลงทุนอย่างที่ตั้งใจ ใครชวนให้ผมไปพูด ไปเขียน ไปทำอะไร ผมไม่ค่อยปฏิเสธถึงแม้ว่าหลายครั้งไม่ได้ค่าจ้างตอบแทน เพราะเราคิดว่าทุกอย่างที่เราทำจะทำให้เราได้เรียนรู้ ได้เก่งขึ้น ได้พัฒนาตัวเอง และได้ช่วยเหลือกัน
.
หลายครั้งที่มีคนมาคอยเตือนเอาข่าวมาบอกว่า หุ้นตัวนั้นตัวนี้เป็นอย่างไร บางคนรู้ว่าเราถือหุ้นอะไรอยู่ก็จะคอยมาบอกข่าว บางตัวทำให้เราขายทันก่อนราคาร่วงแรง บางตัวทำให้เราไม่กล้าซื้อก่อนที่มันจะวิ่งไม่หยุด แต่ไม่ซีเรียสอะไรนะ เพราะสุดท้ายเราต้องเอาทุกอย่างมาคิดเอง ตัดสินใจเอง เพราะมันคือเงินของเรา พอร์ตเราเอง แต่ที่ดีใจที่สุดคือ ได้สอนคอร์สการกุศลกับเพื่อน ๆ แล้วเอาเงินไปทำบุญให้กับโรงพยาบาลที่ขาดแคลน คือ เงินที่พวกเราหามาได้มันมีประโยชน์
..
5) หนังสือหลักร้อย กำไรหลักล้าน
.
ปีนี้อ่านหนังสือไป 29 เล่ม สำหรับเราถือว่าเยอะ เพราะทำสรุปด้วย และมีเวลาอ่านแค่ตอนกลางคืนกับตอนรอลูกเรียนพิเศษ หนังสือที่อ่านก็หลากหลายขึ้น บางเล่มคิดว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องลงทุนเท่าไหร่ อย่าง China 5.0 แค่คิดว่าอยากรู้เรื่องเมืองจีน เพราะไม่รู้เรื่องอะไรเลย อ่านไปอ่านมาเจอเรื่อง นโยบายมีลูกคนที่สองได้ และคนจีนจำนวนมากมีลูกยาก จนมาต่อยอดให้เจอหุ้นโรงพยาบาลตัวนึงที่ทำกำไรให้พอสมควร
..
============================
.
** สุขภาพ **
.
ไม่รู้ตัวว่าน้ำหนักลด จนหลายคนทักว่าผอมลง เลยไปชั่งดู ปรากฏว่าน้ำหนักลดไป 4 กิโล ตอนแรกแอบดีใจ แต่คิดไปคิดมา เฮ้ย น้ำหนักลด เพราะว่านอนน้อยแน่ ๆ ทำงาน เขียนบทความ แกะหุ้น อ่านหนังสือ ทำหลายอย่างเลยไม่ได้กินอะไรดึก ๆ เท่าไหร่
.
สิ่งที่รู้สึกได้คือ เหมือนเริ่มเหนื่อยง่ายขึ้น วิ่งเล่นกับลูกได้ไม่เต็มที่เหมือนก่อน หลัง ๆ ไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเท่าไหร่ และปีนี้มีคนรู้จักป่วยเป็นมะเร็งกันหลายคนเลย และหลายคนที่เสียชีวิตตั้งแต่อายุไม่มาก จากเมื่อก่อนที่ชอบพูดติดตลกว่า “อดนอนวันนี้ เพื่อหลับสบายวันหน้า” เดี๋ยวอายุ 45 ค่อยพัก ทำให้เริ่มคิดได้ว่า ไม่ได้ละ ไม่งั้น 45 อาจได้หลับยาวจริง ๆ ตอนนี้เลยหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้นทั้งเรื่องอาหารการกิน เริ่มออกวิ่ง ตีแบด และเดี๋ยวจะกลับไปว่ายน้ำแล้ว
..
=============================
.
** ครอบครัว **
.
ได้สติมาเต็ม ๆ ว่าเราทำอะไรไม่ดีหลายอย่างกับคนที่รักและอยู่ข้างเราเสมอ หลายครั้งที่เราหมกมุ่นกับการลงทุน คิดว่าตัวเองไม่ค่อยมีเวลา เลยอ่านหนังสือ ฟังหุ้น ดูงบตลอดเวลา ไม่ว่าจะเสาร์อาทิตย์ ขับรถ กินกาแฟ คือ ทุกวินาทีมีแต่เรื่องหุ้นว่างั้นดีกว่า โดยอาศัยข้ออ้างที่ว่า เรากำลังหาเงินให้ครอบครัว เรากำลังเปลี่ยนหลักตัวเลขในพอร์ตของเรา แล้วภรรยากับลูกเราจะสบาย เรากำลังปลูกต้นไม้เพื่อสร้างร่มเงาในอีก 10 ปี ข้างหน้า
.
แต่เราไม่เคยคิดเลยว่า อีก 10 ปี ข้างหน้า เราอาจจะต้องยืนคนเดียวใต้ต้นไม้สูงใหญ่ต้นนั้น แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะ
.
เราชอบคิดเองว่า เรากำลังเดินอยู่คนเดียว ไม่มีใครเข้าใจเรา เวลาเรากำไร เวลาเราขาดทุน เราก็ไม่รู้จะไปบอกใคร เราไม่เคยเอาลูกและภรรยา เข้ามาในโลกของการลงทุนที่เราทำอยู่ ด้วยข้ออ้างอีกนั่นแหละที่ว่า เค้าไม่สนใจ เค้าไม่ถนัด แต่เราอาจจะคิดผิดไปเอง สิ่งที่เราทำ คือเรากำลังผลักเค้าออกไปต่างหาก ไม่ใช่ว่าเค้าไม่อยากเข้ามา
.
หลายครั้งที่เราเขียนบทความ เราเป็นคนชอบเล่าเรื่อง อยากเขียนให้สนุกให้อ่านง่าย บางครั้งเรามีความคึกคะนองหรือตัวอักษรพาไปโดยไม่คิด เขียนแซวเขียนชมคนเก่งคนสวยอยู่บ่อย ๆ โดยที่เราคิดน้อยเกินไปว่ามันไม่เหมาะไม่ควรทั้งต่อคนที่เราเขียนพาดพิงถึง หรือแม้กระทั่งไม่ให้เกียรติกับภรรยาตัวเอง จนมานึกเสียใจทีหลังว่าไม่น่าเขียนแบบนั้นลงไป หวังว่าคนที่รักจะให้อภัย
..
วันนี้เราได้สติแล้ว เราเดินช้าลง บางครั้งเราหยุดเดินด้วย … ไม่เป็นไร
พอร์ตเราอาจเปลี่ยนหลักช้าหน่อย … ไม่เป็นไร
ต้นไม้ที่เราปลูก อาจไม่ได้โตเร็ว ใบไม่สวย ดอกไม่งาม … ไม่เป็นไร
.
แต่ถ้าภรรยาไม่รัก ลูกไม่อยากยุ่งด้วย … ไม่เป็นไรคงไม่ได้
..
ทุกวันนี้ผมให้ภรรยาเข้ามาช่วยเรื่องการลงทุนมากขึ้น ทำ website ให้ คุยกันเรื่องหุ้นมากขึ้น อัพเดตชีวิตกันมากขึ้น ให้ภรรยาวางแผนทริปท่องเที่ยว ส่วนลูกนี่รอวาดการ์ตูนลงหนังสือที่ผมกำลังจะเขียนอยู่ คุยกันเรื่องอยากจัด Workshop VI รุ่นจิ๋ว ที่อยากสอนเด็ก ๆ ให้รู้จักการออมและการลงทุน
..
คือ เอาจริง ๆ นะ หาเงินมากมาย สุดท้ายคนที่เราอยากให้ใช้ ไม่อยู่กับเราก็ไม่มีประโยชน์อะไร ผมชอบคำพูดในเรื่อง Winnie the Pooh ประมาณว่า “เราจะไม่เดินนำ เราจะไม่เดินตาม เราจะเดินเคียงข้างไปด้วยกัน”
.
บทสรุปปี 2018 ของผมก็ประมาณนี้ครับ หลากหลายอารมณ์ สุขบ้าง เศร้าบ้าง แต่ก็ได้เรียนรู้เยอะ และผมพร้อมแล้วสำหรับก้าวใหม่ในปี 2019
..
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามากดไลค์เพจเล็ก ๆ แห่งนี้ของผมและครอบครัว
วิตามินหุ้น สัญญาว่า จะเป็นอาหารสมองช่วยเติมความรู้ให้ทุกคนไม่เดินหลงทางในตลาดหุ้นต่อไปจนกว่าจะหมดแรง
..
สัญญานะว่า เราจะค่อย ๆ เดินเคียงข้างไปด้วยกัน