
วันก่อนพูดถึงหนังสือ “คนเล็กเวทียักษ์” ของคุณพิทักษ์ไป เลยอยากรู้ว่าราคาหุ้นเป็นอย่างไรบ้าง ล่าสุดปิดที่ 17.80 บาท
.
ถ้าใครซื้อตอนต้นปีที่ 21.70 บาท จะขาดทุนอยู่ 18%
แต่ถ้าใครซื้อที่ยอดดอยเมื่อธันวาคม 2559 ที่ 33.75 บาท ก็จะขาดทุนอยู่ 47%
.
สงกรานต์ปีนี้ร้อนมาก แต่ผมหนาวเหลือเกิน ผมจะมีโอกาสหลุดดอยมั้ยครับพี่ มีคนถามมาเยอะ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟังครับ
** Business Model ของ PTG **
.
อยากให้เข้าใจแบบนี้ก่อน คือ ในแง่รายได้ 97% มาจากน้ำมัน 3% มาจาก Non-Oil ไม่ว่าจะเป็นร้านกาแฟ น้ำมันเครื่อง LPG ร้านสะดวกซื้อ Max Mart
.
ในแง่ของกำไรขั้นต้น 92% มาจากน้ำมัน 8% Non-Oil
.
แปลว่า พึ่งพาน้ำมันเป็นหลัก แต่อัตราส่วนกำไรสู้ Non-Oil ไม่ได้ ทีนี้เรามาดูโครงสร้างงบกันนิดนึง
.
รายได้ 100 บาท เป็นต้นทุน 92-93 บาท ค่าใช้จ่ายขาย 5 บาท ค่าเงินเดือน ค่าเช่าที่ ค่าเสื่อม 1 บาท จ่ายดอกเบี้ยและภาษีนิดหน่อยไม่เกิน 1 บาท เหลือเป็นกำไรสุทธิ 1 บาท
…
เราจะเห็นว่าเป็นธุรกิจที่เหนื่อยมาก ขายของ 100 บาท เหลือเงินแค่ 1 บาท
.
สาเหตุก็เพราะ business model ของธุรกิจน้ำมันคือ สร้างปั๊มขึ้นมา แล้วไปซื้อน้ำมันจากโรงกลั่น ส่วนราคาขายกำหนดเองไม่ได้ อ้างอิงเหมือนกันทุกปั๊มตามราคาตลาดที่สิงคโปร์ (เหมือนที่เราได้ยินกันบ่อย ๆ ว่าวันนี้น้ำมันขึ้น วันนี้น้ำมันลด)
.
กำไรของปั๊มก็จะอยู่ที่ส่วนต่างราคาน้ำมันที่ซื้อมาและขายไปในแต่ละรอบ จริง ๆ ในโครงสร้างราคาก็จะต้องมีจ่ายเงินเข้ากองทุนน้ำมัน หักภาษีอื่น ๆ อีก แต่ถ้าจะพูดกันแบบง่าย ๆ คือ ถ้าค่าการตลาดยิ่งสูง กำไรก็จะยิ่งมากตาม
.
** ค่าการตลาด vs. กำไรขั้นต้น **
.
ปี 2556 ค่าการตลาด 1.55 บาท กำไรขั้นต้น PTG 4.72%
ปี 2557 ค่าการตลาด 1.69 บาท กำไรขั้นต้น PTG 5.58%
ปี 2558 ค่าการตลาด 1.72 บาท กำไรขั้นต้น PTG 7.34%
ปี 2559 ค่าการตลาด 1.77 บาท กำไรขั้นต้น PTG 8.41%
ปี 2560 ค่าการตลาด 1.71 บาท กำไรขั้นต้น PTG 7.37%
…
ดูย้อนหลังไป 5 ปี ตั้งแต่ PTG เข้าตลาดมา ค่าการตลาดขึ้นมาตลอด และ GPM ก็ขึ้นตามมาเช่นกัน แต่ปีทีแล้วค่าการตลาดลดลงกลับไปพอ ๆ กับปี 2558 ทำให้ GPM ก็หดตัวกลับไปใกล้เคียงกับปีนั้นเช่นกัน แล้วทีนี้ค่าการตลาดปี 2561 เป็นยังไง
.
ปี 2560 มกราคม – เมษายน คือ 1.71 >> 1.75 >> 1.83 >> 1.72 (เมษายน เต็มเดือน)
ปี 2561 มกราคม – เมษายน คือ 1.62 >> 1.77 >> 1.80 >> 1.94 (เมษายน ตัวเลข 11 วัน)
.
ถ้าเทียบปีต่อปีคือทรง ๆ แต่แนวโน้มดีขึ้นจาก Q4 ปีที่แล้วที่อยู่แถว ๆ 1.50-1.60 โดยเฉพาะเดือนเมษายนจะเห็นชัดว่าตัวเลขดีขึ้นมาก และน่าจะยังสูงทั้งเดือนจากการที่มีข่าวเรื่องสงครามในซีเรียตอนนี้
.
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขึ้นอยู่กับจังหวะและปริมาณในการซื้อน้ำมันของ PTG จากโรงกลั่น (ไทยออยล์) ว่าเป็นอย่างไรด้วย โดยที่ PTG ซื้อน้ำมันไตรมาสละ 800-900 ล้านลิตร และปริมาณเพิ่มขึ้นทุกปีประมาณ 10% ก็อาจได้ส่วนลดบ้าง และถ้าบริหารสต็อคได้ดีตอนน้ำมันปรับราคาขึ้นลงก็น่าจะช่วยได้อีก
.
================================
.
** ผลประกอบการย้อนหลัง PTG **
.
ปี 2556 รายได้รวม 47,857 ล้านบาท กำไรสุทธิ 312 ล้านบาท (NPM 0.65%)
ปี 2557 รายได้รวม 55,274 ล้านบาท กำไรสุทธิ 494 ล้านบาท (NPM 0.89%)
ปี 2558 รายได้รวม 53,840 ล้านบาท กำไรสุทธิ 651 ล้านบาท (NPM 1.21%)
ปี 2559 รายได้รวม 64,926 ล้านบาท กำไรสุทธิ 1,073 ล้านบาท (NPM 1.65%)
ปี 2560 รายได้รวม 84,905 ล้านบาท กำไรสุทธิ 913 ล้านบาท (NPM 1.08%)
..
เราจะสังเกตได้ว่า NPM เพิ่มขึ้นทุกปีตาม GPM และลดลงในปีล่าสุดเช่นกัน แต่รายได้เพิ่มเร็วมากจาก 5 ปีก่อนยังไม่ถึง 50,000 ล้านบาท มาวันนี้ 85,000 ล้านบาทแล้ว ก็เป็นเพราะว่าการขยายปั๊มน้ำมันเพิ่มขึ้นจำนวนมากทุกปี (ตอนนี้มีอยู่ 1,696 ปั๊ม ขณะที่ PTT มี 1,775 ห่างกันไม่เยอะ)
..
** ธุรกิจ Non-Oil ของ PTG **
.
ตอนนี้ยังเล็กอยู่มาก แต่กำไรดี เป้าหมายคือในปี 2565 รายได้จะมาจาก Non-Oil 10% และกำไรสุทธิจะมาจากส่วนนี้ 60% คือ ถ้าทำได้จะยอดเยี่ยมมาก ซึ่งผมคิดว่าตัวที่น่าสนใจน่าจะเป็น Palm Complex ที่เริ่มผลิตแล้วเมื่อดือนมีนาคมที่ผ่านมา และน่าจะช่วยเพิ่มกำไรเข้ามาในปีนี้สัก 100 ล้านบาท ใครสนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเรื่องนี้แนะนำไปดูที่เพจ Invest Diary ตามนี้เลย
.
https://www.facebook.com/investdiary/posts/1168398793295366
.
ส่วนธุรกิจอื่นที่ผู้บริหารบอกว่าแนวโน้มดีคือ LPG ที่ตอนแรกน่าจะขาดทุน แต่ทำกำไรได้ และก็ยังขยายตัวเพิ่มเรื่อย ๆ
.
ร้าน Coffee World ตอนซื้อมาขาดทุน แต่ตอนนี้กำไรแล้ว จากการที่ซื้อเม็ดกาแฟด้วยกันกับพันธุ์ไทย และบริหารจัดการหลังบ้านให้มีประสิทธิภาพขึ้น และล่าสุดไปลงทุนกับ “ครัวจิตรมาส” จะทำธุรกิจอาหารเพิ่มขึ้นอีก
.
ข้อสังเกตส่วนตัวของผมคือ PTG ใช้วิธีการซื้อแบรนด์ที่หลากหลาย แต่มักจะเป็นแบรนด์ระดับ B มากกว่าแบรนด์ดัง ๆ เดาว่าข้อจำกัดคืออยากได้แบรนด์ที่แมสมาก ๆ ที่จะอยู่ในปั๊มได้ และไม่อยากก่อหนี้เยอะจนเกินไป ซึ่งจะทำให้เกิดภาระมากขึ้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าแบรนด์ที่ได้มาก็จะไม่ว้าวมาก และก็ต้องใช้เวลาสร้างแบรนด์เพิ่มเติมอีกสักระยะนึงเช่นกัน
.
สรุป คือ ค่าการตลาด Q1 ทรง ๆ เทียบกับปีก่อน แต่แนวโน้มล่าสุดดูดีขึ้น และปีนี้ก็น่าจะได้กำไรจาก Non-Oil เข้ามาช่วยเพิ่มเติมพอสมควรโดยเฉพาะ Palm Complex และร้านกาแฟพันธุ์ไทย Coffee World รวมทั้ง LPG ที่เติบโตต่อเนื่อง ใครติดดอยอยู่ เอาใจช่วยครับ