ก้าวใหม่ D กว่าเดิม กับโรงพยาบาลทันตกรรม

Dental Corporation หุ้นหมอฟันตัว D ก่อตั้งโดยคุณพรศักดิ์ ตันตาปกุล ที่บ้านเป็นโรงงานน้ำยางข้น อยู่กระบี่ แต่เจอวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ทำให้ต้องปิดโรงงานไป ขณะนั้นเพิ่งเรียนจบการจัดฟ ันที่นิวยอร์ก และกำลังจะไปต่อโทที่อังกฤษ

คุณพรศักดิ์ต้องทำทุกวิถีทา งทั้งกู้เงินโครงการช่วยเหล ือเด็กเอเชีย ทำงานร้านอาหารจีนเป็นพนักง าน Delivery สุดท้ายพี่สาว 4 คน รวมเงินก้อนสุดท้ายส่งเรียนจนจบ คุณพรศักดิ์บอกกับพี่ ๆ ว่า ให้จดทุกบาททุกสตางค์ไว้ ผมจะตั้งใจเรียน จบแล้วจะรีบกลับไปทำงานใช้ค ืนให้ครบให้ได้
.
พอกลับมาจากอังกฤษ ก็ทำงานอย่างหนักรับคนไข้วั นละ 60 คน จนปลดหนี้เงินกู้และคืนเงิน พี่สาวจนครบ และก็ทำงานเก็บเงินต่อจนสาม ารถมาลงทุนสร้าง Dental Corporation ได้ นอกจากนี้ก็ยังลงทุนที่ดิน และสร้างโรงแรมเซ็นทารา อันดาเทวี รีสอร์ท แอนด์ สปา ที่กระบี่ ให้เซ็นทาราบริหารอีกด้วย นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่ ประสบความสำเร็จได้เพราะควา มมุมานะ อดทน และกตัญญู
.
@ธุรกิจของ D มีอะไรบ้าง
.
ศูนย์ทันตกรรมและคลินิกทันต กรรม 13 สาขา 3 แบรนด์ คือ
.
1) BIDC เป็นศูนย์ทันตกรรมขนาดใหญ่ 7 ชั้น 22 ห้องตรวจ อยู่ถนนรัชดา เน้นคนไข้รายได้สูง โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติมากถ ึง 63% ส่วนใหญ่มาจากออสเตรเลีย และ BIDC คิดเป็น 55% ของรายได้ของ D ทั้งหมด โดยมี GP ที่สูงถึง 40.4%
.
2) Dental Signature 4 สาขา 19 ห้องตรวจ เน้นคนไทย รายได้ปานกลางถึงสูง เปิดตามห้างสรรพสินค้า สัดส่วนรายได้ 20% และ GP 32%
.
3) Smile Signature 8 สาขา 28 ห้องตรวจ เน้นคนไทย รายได้ปานกลาง เปิดตามห้างสรรพสินค้า สัดส่วนรายได้ 25% และ GP 30.6%
.
เราจะเห็นได้ว่า D เน้นกลุ่มลูกค้าระดับ AB ทั้งคนไทยและต่างชาติ ถ้าแยกสัดส่วนรายได้แบ่งตาม ประเภทของการรักษาก็จะพบว่า  48% คือทันตกรรมความงาม (จัดฟัน ดัดฟัน ฟอกสีฟัน) 23% ทำรากฟัน และ 27% ทันตกรรมทั่วไป (ถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน) ซึ่งก็ค่อนข้างสอดคล้องกับก ลุ่มเป้าหมายที่พร้อมจะจ่าย เงินเพื่อคุณภาพและบริการที ่ดี
.
@ผลประกอบการของ D ดีสมชื่อหรือไม่
.
ปี 2557 รายได้บริการและขาย 403 ล้านบาท GP 33% NP 6.3%
ปี 2558 รายได้บริการและขาย 412 ล้านบาท GP 33% NP 3%
ปี 2559 รายได้บริการและขาย 439 ล้านบาท GP 36.9% NP 9.6%
9 เดือน ปี 2559 รายได้บริการและขาย 332 ล้านบาท GP 37.7% NP 9.5%
9 เดือน ปี 2560 รายได้บริการและขาย 334 ล้านบาท GP 36.7% NP 10.2%
.
รายได้ไม่ได้โตแบบหวือหวา ถึงแม้ว่ามีการเปิดมากถึง 8 สาขา ตั้งแต่ปี 2557 เพราะว่าธุรกิจประเภทนี้ต้อ งใช้เวลาสร้างฐานลูกค้า คนไข้ส่วนมากมีหมอฟันประจำท ี่รักษากันมาก่อนและถ้าดีแล ้วก็มักจะไม่ค่อยเปลี่ยน ถึงแม้ D จะเด่นในด้านทันตกรรมเพื่อค วามงามที่มีมาร์จิ้นสูง ก็อาจไม่ได้มีการกลับมาจัดฟ ัน ครอบฟันกันได้ซ้ำบ่อย ๆ แต่ก็ต้องบอกว่า D ควบคุมต้นทุนการบริการและค่ าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้ดีทีเดียว โดยมี GP สูงถึง 37% และ NP ที่ 10% แต่ก็ต้องบอกว่าบางส่วนได้ป ระโยชน์จากนโยบายตัดค่าเสื่ อมนานขึ้น กับนำเงิน IPO ไปจ่ายดอกเบี้ย แต่ก็ยังถือว่าความสามารถใน การทำกำไรค่อนข้างใช้ได้ทีเ ดียว
.
@อนาคตของ D จะทำอะไร
.
ปี 2561 มีแผนที่จะเปิดสาขาใหม่ 3-4 แห่ง ขึ้นอยู่กับทำเลที่หาได้ว่า เหมาะสมแค่ไหน โดยการเปิดสาขาหนึ่ง ๆ ใช้เงินลงทุนประมาณ 7-15 ล้านบาท แต่ 2 ปีที่ผ่านมา D เปิดได้แค่ปีละ 1 สาขาเท่านั้น
.
บวกกับมีโครงการใหญ่ในปี 2562 คือสร้างโรงพยาบาลทันตกรรม บริเวณสุขุมวิทซอย 2 ด้วยเงินลงทุน 450 ล้านบาท (ใช้เงิน IPO 180 ล้านบาท และกู้เพิ่มเติม 270 ล้านบาท) ซึ่งมีมูลค่าเท่ากับสินทรัพ ย์ปัจจุบันของบริษัทที่ 451 ล้านบาท โดยจะทำเป็นตึก 7 ชั้น 33 ห้องตรวจ 1 ห้องผ่าตัด และ 2 ห้องผู้ป่วยใน เจาะกลุ่มเป้าหมาย 55% คนไทย 45% ต่างชาติ เน้นไปที่ลูกค้าตะวันออกกลา ง ญี่ปุ่น และ CLMV มากขึ้น (ซึ่งต่างจากปัจจุบันที่เป็ นลูกค้าออสเตรเลียเป็นหลัก)  โดยที่นี่จะสามารถทำการผ่าต ัดที่ซับซ้อนเช่น ขากรรไกร เหงือก ผ่าตัดฟันคุด จากที่ต้องไปเช่าห้องผ่าตัด ในโรงพยาบาล 12-15 เคสต่อปี ก็จะได้รายได้เพิ่มกลับมา
..
ข้อดีของโครงการนี้คือ กำไรน่าจะดี เพราะเน้นทันตกรรมความงามที ่ซับซ้อนเป็นหลัก รวมถึงมีผ่าตัดขากรรไกรเพื่ อความเรียวงามของใบหน้าด้วย  (ไม่ต้องไปเกาหลีแล้วนะ) แต่ในมุมกลับกันสิ่งที่ต้อง ระวังคือ โครงการจะทยอยเปิดเป็น 3 เฟส 19 ห้องตรวจ มีนาคม 2562 เปิดอีก 5 ห้องปี 2563 และที่เหลือ 9 ห้องปี 2554 ซึ่งต้องมาดูกันต่อไปว่าราย ได้จะเข้ามาทันกับค่าเสื่อม ที่ต้องจ่ายออกไปแค่ไหน เพราะอย่างที่เรารู้ว่าการเ ปิดสาขาแต่ละทีต้องใช้เวลาส ร้างการรับรู้และรายได้ถึงจ ะค่อยตามมาทีหลัง รวมไปถึงการเลือกที่จะใช้เม ็ดเงินลงทุนโครงการใหญ่ จะทำให้เปิดสาขาย่อยได้ลดลง  ก็จะเสียโอกาสในการขยายฐานล ูกค้าในวงกว้างออกไป
..
หมากเกมนี้ของ D เลือกแล้วว่าจะก้าวใหญ่เพื่ อเติบโตให้ถึงเป้าพันล้านบา ทในอีก 5 ปี ข้างหน้า D จะไปได้ดีแค่ไหน ปีหน้าเราคงได้รู้กัน